นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
กลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จํากัด

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

กลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จำกัด

ㅤㅤㅤㅤกลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จำกัด ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการของบริษัท ประกอบกับปัจจุบันการดำเนินธุรกิจ มีความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นอย่างมาก ทำให้การเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลสามารถทำได้โดยง่ายมากขึ้น อันอาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญหรือความเสียหายต่อเจ้าของข้อมูล ในกรณีที่มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ บริษัทจึงเห็นสมควรกำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อจัดให้มีมาตรการกำกับดูแลเกี่ยวกับการคุ้มครองหรือจัดการข้อมูลส่วนบุคคลที่ปลอดภัยและเหมาะสม รวมทั้งเพื่อป้องกันและเยียวยาการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

1.คำนิยาม

ㅤㅤㅤㅤบริษัท” หมายความว่า กลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จำกัด

ㅤㅤㅤㅤผู้ใช้บริการ” หมายความว่า ผู้ทำธุรกรรมกับบริษัท (เช่น ลูกค้าผู้ใช้บริการ คู่ค้า คู่สัญญาต่าง ๆ ตัวแทน นายหน้า และลูกจ้าง เป็นต้น) รวมถึงผู้เข้าเยี่ยมชมหรือใช้งานเว็บไซต์ของบริษัทที่เป็นบุคคลธรรมดา

ㅤㅤㅤㅤข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดา ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

ㅤㅤㅤㅤข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายความว่า ข้อมลส่วนบุคคลที่กำหนดไว้เป็นการเฉพาะตามมาตรา 26 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่นข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือ ข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน 

ㅤㅤㅤㅤเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลสามารถระบุตัวตนได้

ㅤㅤㅤㅤผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บริษัทซึ่งทำหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ หรือ บุคคล หรือนิติบุคคลอื่นที่ทำหน้าที่ เช่นเดียวกัน

ㅤㅤㅤㅤผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคล หรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของบริษัท

ㅤㅤㅤㅤคณะทำงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า คณะกรรมการชุดย่อยของบริษัทมีหน้าที่กำกับดูแล ควบคุมการดำเนินธุรกิจของบริษัทให้เป็นไปตามนโยบายและแนวทางการปฏิบัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ㅤㅤㅤㅤเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลหรือคณะบุคคลที่บริษัทแต่งตั้งและมอบหมายตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ในการให้คำแนะนำ กำกับดูแล ตรวจสอบหน่วยงานภายใน ลูกจ้าง ผู้ให้บริการ และผู้ประมวลผลข้อมูลแทนบริษัท เพื่อให้ปฏิบัติตามนโยบายและคู่มือหรือแนวทางการปฏิบัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ใช้บริการหรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ㅤㅤㅤㅤคู่มือหรือแนวปฏิบัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า คู่มือหรือขั้นตอนที่กำหนดถึงวิธีการ และเงื่อนไขของการปฏิบัติงานของหน่วยงานภายในบริษัท รวมถึงผู้ให้บริการภายนอก เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามนโยบาย การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ㅤㅤㅤㅤบุคคล” หมายความว่า บุคคลธรรมดา

ㅤㅤㅤㅤพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึง กฎ ระเบียบหรือกฎหมายลำดับรองอื่นที่ตราขึ้นโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

ㅤㅤㅤㅤกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ

2.วัตถุประสงค์ของนโยบาย

ㅤㅤㅤㅤบริษัทจัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ เพื่อเป็นหลักเกณฑ์ในการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคล ของผู้ใช้บริการ ซึ่งรวมถึงการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ของผู้ใช้บริการ ในกรณีที่บริษัททำการเปลี่ยนวัตถุประสงค์ของการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ได้ผ่านการพิจารณา และ อนุมัติโดยผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ที่ได้ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบุคลากรในบริษัท รวมถึงผู้ใช้บริการภายนอก โดยบริษัทได้ประกาศนโยบายฉบับนี้ ให้แก่พนักงาน และบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องรับทราบโดยทั่วกัน

3.หลักการในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ㅤㅤ1.บริษัทจะดำเนินการเพียงเท่าที่จำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ภายใต้วัตถุประสงค์ อันชอบด้วยกฎหมาย และตามที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้

ㅤㅤ2.ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ บริษัทจะกระทำโดยต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ก่อนหรือขณะเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งบริษัทจะดำเนินการเพียงเท่าที่จำเป็นตามกรอบวัตถุประสงค์ของความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ

ㅤㅤ3. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น ที่ไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงจะกระทำได้หากกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลได้อนุญาตหรือยกเว้นไว้เป็นการเฉพาะเท่านั้น

ㅤㅤ4. บริษัทจะไม่เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว โดยไม่ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลได้อนุญาตหรือยกเว้นไว้เป็นการเฉพาะเท่านั้น

ㅤ5.ㅤบริษัทจะดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

ㅤㅤ6.ㅤบริษัทได้ดำเนินการจัดให้มีการบันทึก และ/หรือ รายงานข้อมูลส่วนบุคคลในขั้นตอนต่างๆ ภายใต้นโยบายนี้และตามที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด และแจ้งให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลทำการบันทึก รวมทั้ง รายงานกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยบริษัทจะได้จัดให้มีข้อตกลงระหว่างบริษัท และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อควบคุมการดำเนินงานตามหน้าที่ของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

ㅤㅤ7.ㅤบริษัทจะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ และจะดำเนินการทบทวนมาตรการดังกล่าว เมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป

ㅤㅤ8.ㅤบริษัทจะจัดให้มีการดำเนินการเพื่อป้องกันมิให้บุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจ หรือโดยมิชอบอย่างเด็ดขาด

ㅤㅤ9.บริษัทจะจัดทำระบบการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษา หรือไม่มีความเกี่ยวข้อง หรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล หรือตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ หรือที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ถอนความยินยอม

ㅤㅤ10.บริษัทมีหน้าที่แจ้งเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลให้กับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบภายใน 72 ชั่วโมง(เจ็ดสิบสองชั่วโมง) นับแต่ทราบเหตุเท่าที่จะสามารถกระทำได้ เว้นแต่ การละเมิดดังกล่าวไม่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล กรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูง ที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล บริษัทจะแจ้งเหตุการณ์ละเมิด ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาโดยไม่ชักช้า ทั้งนี้ การแจ้งดังกล่าว และข้อยกเว้นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กฎหมายกำหนด

ㅤㅤ11.บริษัทได้กำหนดให้มีคณะทำงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทำหน้าที่ในการพิจารณากลั่นกรองเรื่องร้องเรียนที่มีความยุ่งยากซับซ้อน และ/หรือที่มีการเรียกร้องค่าเสียหายสูง เพื่อนำเสนอต่อผู้บริหารระดับสูงพิจารณาดำเนินการตามลำดับรวมทั้ง กำกับดูแลหน่วยงานภายในเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามนโยบายฉบับนี้

ㅤㅤ12.บริษัทได้กำหนดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทำหน้าที่ในการให้คำแนะนำ กำกับดูแล ตรวจสอบ หน่วยงานภายในลูกจ้าง ผู้ให้บริการต่าง ๆ ตัวแทน นายหน้า และผู้ประมวลผลข้อมูลแทนบริษัท เพื่อให้ปฏิบัติตามนโยบายและคู่มือหรือแนวทางการปฏิบัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ใช้บริการหรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือจากช่องทางอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการไม่ปฏิบัติตามนโยบายนี้ และ ประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

13.เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการให้ความยินยอม ถอนความยินยอม เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตน และ/หรือผู้ที่ตนมีอำนาจกระทำการแทนตามกฎหมาย รวมทั้ง คัดค้าน และ/หรือจำกัดสิทธิของการเก็บรักษา ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตน และ/หรือ ผู้ที่ตนมีอำนาจกระทำการแทนตามกฎหมาย การขอให้แก้ไขให้ถูกต้องซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของตน และ/หรือ ผู้ที่ตนมีอำนาจกระทำการแทนตามกฎหมาย อีกทั้ง มีสิทธิในการระงับการเก็บรักษา ใช้ เปิดเผย และ/หรือขอให้ทำลายข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือ ผู้ที่ตนมีอำนาจกระทำการแทนตามกฎหมาย สิทธิในการขอให้เก็บรักษา ถ่ายโอน และ/หรือคัดลอกข้อมูลส่วนบุคคลของตน และ/หรือผู้ที่ตนมีอำนาจกระทำการแทนตามกฎหมาย

หมวด 1: วัตถุประสงค์การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ก.ㅤㅤบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย และ/หรือภายใต้วัตถุประสงค์ของนโยบายนี้ตามที่ได้แจ้งไว้ก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น

เว้นแต่

ㅤㅤ1) ได้แจ้งวัตถุประสงค์ใหม่นั้น ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ทราบ และได้รับความยินยอมก่อนหรือขณะเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยแล้ว

ㅤㅤ2) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล

ㅤㅤ3) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบวัตถุประสงค์ใหม่ หรือรายละเอียดนั้นอยู่แล้ว โดยพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้กำหนดให้ต้องขอความยินยอมเพื่อการดำเนินการดังกล่าว

ㅤㅤ4) บริษัทจะพิสูจน์ได้ว่าการแจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ หรือรายละเอียดดังกล่าวไม่สามารถทำได้ หรือจะเป็นอุปสรรคต่อการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพียงพอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ㅤㅤ5) การใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต้องกระทำโดยเร่งด่วนตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพียงพอ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ㅤㅤ6) เมื่อบริษัทเป็นผู้ซึ่งล่วงรู้ หรือได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล จากหน้าที่ หรือจากการประกอบอาชีพ หรือวิชาชีพ และต้องรักษาวัตถุประสงค์ใหม่ ไว้เป็นความลับตามที่กฎหมายกำหนด

ข. บริษัทมีนโยบายเป็นการทั่วไปในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง เว้นแต่ เฉพาะกรณี ซึ่งบริษัทจะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น โดยบริษัทจะดำเนินการ แจ้งถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล จากแหล่งอื่นและรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตาม  หมวด 2 ให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยไม่ชักช้า แต่ต้องไม่เกินสามสิบ (30) วันนับแต่วันที่เก็บรวบรวมและได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ เว้นแต่เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม หรือกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

หมวด 2: การแจ้งรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

  1. หลักการการแจ้งรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ในการเก็บรวบรวม ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เว้นแต่ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ทราบถึงรายละเอียดนั้นอยู่แล้ว บริษัทจะต้องดำเนินการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบก่อน หรือในขณะ เก็บรวบรวบข้อมูลส่วนบุคคลถึงรายละเอียด ดังต่อไปนี้

1) วัตถุประสงค์ของบริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

2) หากเป็นวัตถุประสงค์เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือสัญญา หรือมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเข้าทำสัญญา รวมทั้ง แจ้งถึงผลกระทบที่เป็นไปได้จากการไม่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคล

3) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้มีการเก็บรวบรวม และระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูล ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาดังกล่าวได้ชัดเจน บริษัทได้กำหนดระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม

4) ประเภทของบุคคล หรือหน่วยงานซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมอาจจะถูกเปิดเผย หรือเข้าถึง

5) ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท สถานที่ติดต่อ และวิธีการติดต่อ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สถานที่ติดต่อ และวิธีการติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้วย (ถ้ามี)

6) สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. ข้อมูลส่วนบุคคล (พิจารณารายละเอียดตามหมวดที่ 4.)

หมวด 3: การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

  1. หลักการขอความยินยอมสำหรับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

หากการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจำเป็นต้องอาศัยความยินยอม บริษัทจะดำเนินการขอความยินยอมตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้

1) การขอความยินยอมจะกระทำก่อน หรือ ขณะที่ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

2) การขอความยินยอมจะกระทำโดยชัดแจ้งเป็นหนังสือ หรือทำโดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่โดยสภาพไม่อาจขอความยินยอมด้วยวิธีการดังกล่าวได้

3) การขอความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล จะกระทำด้วยความเป็นอิสระของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และปราศจากเงื่อนไขที่ไม่จำเป็น หรือเกี่ยวข้องสำหรับการเข้าทำสัญญาและ/หรือการให้บริการ

4) มีการแจ้งวัตถุประสงค์ ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

5) การขอความยินยอมจะแยกส่วนออกจากข้อความอื่นโดยแจ้งชัด

6) การขอความยินยอมจะกระทำโดยมีแบบ หรือข้อความที่เข้าถึงได้ง่าย และเข้าใจได้ รวมทั้งใช้ภาษาที่อ่านง่ายและไม่เป็นการหลอกลวง หรือ ไม่ทำให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าใจผิดในวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

7) ดำเนินการตามแบบ หรือ ข้อความที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด (ถ้ามี)

กรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย

ในการขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการดังต่อไปนี้

1) การให้ความยินยอม เพื่อการใดๆของผู้เยาว์ที่ไม่อาจให้ความยินยอมได้โดยลำพัง ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ด้วย

2) หากผู้เยาว์มีอายุไม่เกินสิบ (10) ปี ให้ขอความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครอง ที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์

กรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคนไร้ความสามารถ

การขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ให้ขอความยินยอมจากผู้อนุบาล ของคนไร้ความสามารถที่ได้รับการแต่งตั้งจากศาล

กรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ

การขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ให้ขอความยินยอมจากผู้พิทักษ์ของคนเสมือนไร้ความสามารถ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากศาล

  1. ข้อยกเว้นของการขอความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป

การดังต่อไปนี้ บริษัทสามารถเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยไม่ต้องอาศัยความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัย หรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสม เพื่อคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

2) เพื่อป้องกัน หรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

3) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น

4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจ เพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัท

5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอืนที่ไม่ใช่บริษัทเว้นแต่ ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญ น้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

6) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย

  1. ข้อยกเว้นของการขอความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว

การดังต่อไปนี้ บริษัทสามารถเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวได้ โดยไม่ต้องอาศัยความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

1) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคลซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถให้ความยินยอมได้ ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม

2) เป็นการดำเนินกิจกรรมโดยชอบด้วยกฎหมายที่มีการคุ้มครองที่เหมาะสมของมูลนิธิ สมาคม หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการเมือง ศาสนา ปรัชญา หรือสหภาพแรงงานให้แก่สมาชิก ผู้ซึ่งเคยเป็นสมาชิกหรือผู้ซึ่งมีการติดต่ออย่างสม่ำเสมอกับมูลนิธิ สมาคม หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว                            โดยไม่ได้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นออกไปภายนอกมูลนิธิสมาคม หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรนั้น

3) เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมโดยชัดแจ้งของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

4) เป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายหรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

5) เป็นการจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับ

ㅤㅤ(ก) เวชศาสตร์ป้องกันหรืออาชีวเวชศาสตร์ การประเมินความสามารถในการทำงานของลูกจ้าง การวินิจฉัยโรคทางการแพทย์ การให้บริการด้านสุขภาพหรือด้านสังคม การรักษาทางการแพทย์ การจัดการด้านสุขภาพ หรือระบบและการให้บริการด้านสังคมสงเคราะห์ ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่ใช่การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ประกอบอาชีพหรือวิชาชีพหรือผู้มีหน้าที่รักษาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไว้เป็นความลับตามกฎหมาย ต้องเป็นการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์

ㅤㅤ(ข) ประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดที่อาจติดต่อหรือแพร่เข้ามาในราชอาณาจักร หรือการควบคุมมาตรฐานหรือคุณภาพของยา เวชภัณฑ์หรือเครื่องมือแพทย์ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมและเจาะจงเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยเฉพาะการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลตามหน้าที่หรือตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

ㅤㅤ(ค) การคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิตามกฎหมาย การคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หรือการคุ้มครองทางสังคม ซึ่งการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสิ่งจำเป็นในการปฏิบัติตามสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ㅤㅤ(ง) การศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ หรือประโยชน์สาธารณะอื่น ทั้งนี้ ต้องกระทำเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวเพียงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

ㅤㅤ(จ) ประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ โดยได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม

ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม บริษัทจะกระทำโดยอยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย หรือ ได้จัดให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์ ที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดเท่านั้น

  1. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

4.1 การโอนข้อมูลส่วนบุคคลกรณีทั่วไป

หากบริษัทจะต้องโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ บริษัทจะโอนหรือส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปยังประเทศที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ตามหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนดเท่านั้น

เว้นแต่การโอนข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีดังต่อไปนี้

ㅤㅤ1) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย

ㅤㅤ2) ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอของประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว

ㅤㅤ3) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น

ㅤㅤ4) เป็นการกระทำตามสัญญาระหว่างผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ㅤㅤ5) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคคลอื่น เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้

ㅤㅤ6) เป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ

ทั้งนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่เพียงพอของประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทอาจพิจารณาเสนอต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้วินิจฉัย

4.2 การโอนข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างบริษัทในเครือ (หากมี)

หากบริษัทจะมีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบริษัทในเครือที่ตั้งอยู่ต่างประเทศ บริษัทอาจจัดให้มีนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งอยู่ต่างประเทศสำหรับบริษัทในเครือหรือในกลุ่ม (Binding Corporate Rules : BCRs) และจะดำเนินการให้นโยบายดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัท จะปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้บริษัทจะไม่จำต้องคำนึกถึงหลักเกณฑ์ในเรื่องการโอนข้อมูลส่วนบุคคลกรณีทั่วไปข้างต้น

4.3 การโอนข้อมูลส่วนบุคคลกรณีที่ยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอและนโยบายการโอนข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างบริษัทในเครือยังไม่ได้รับการอนุมัติ

ในกรณีที่ยังไม่มีกำหนดมาตรฐานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ หรือ ยังไม่มีนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างบริษัทในเครือ บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศโดยจัดให้มีมาตรการคุ้มครองที่เหมาะสมสามารถบังคับตามสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ รวมทั้งมีมาตรการเยียวยาทางกฎหมายที่มีประสิทธิภาพตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

หมวด 4: สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล มีสิทธิดังต่อไปนี้

  1. การถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ เว้นแต่ มีข้อจำกัดสิทธิในการถอนความยินยอมโดยกฎหมาย หรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

  1. การเข้าถึง ขอรับข้อมูล และ/หรือสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทหรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ตนไม่ได้ ให้ความยินยอม

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถขอเข้าถึง ขอรับข้อมูล และ/หรือสำเนาข้อมูล ส่วนบุคคลของตนเอง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มา ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ตนไม่ได้ให้ความยินยอมได้

การปฏิเสธ

การปฏิเสธคำขอดังกล่าวข้างต้น บริษัทสามารถดำเนินการได้เฉพาะที่เป็นการปฏิเสธตามกฎหมาย และ/หรือคำสั่งศาลซึ่งการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลนั้น จะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิ และเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยบริษัทจำทำการบันทึกการปฏิเสธดังกล่าวพร้อมเหตุผลไว้ด้วย

  1. การคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองในกรณีดังต่อไปนี้

1) กรณีที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม ดังนี้

(1) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัท

(2) เป็นการจำเป็น เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัทเว้นแต่ บริษัทพิสูจน์ได้ว่า

(ก) การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัทได้แสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า

(ข) การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายการปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

2) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง

3) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษา วิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่ เป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท

ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้สิทธิคัดค้าน บริษัทจะปฏิบัติโดยแยกส่วนออกจากข้อมูลอื่นอย่างชัดเจนในทันทีเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้แจ้งการคัดค้านให้บริษัททราบ และไม่สามารถเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นต่อไปได้

ในกรณีที่บริษัทปฏิเสธการคัดด้านด้วยเหตุผลตามกรณี 1) (ก) หรือ (ข) หรือ กรณี 3) ให้บริษัทบันทึกการปฏิเสธการคัดค้านพร้อมด้วยเหตุผล

  1. การลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้

ส่วนที่ 1:

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทดำเนินการลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคล เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้

ในกรณีดังต่อไปนี้

1) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็น ในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

2) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอม ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ได้ต่อไป

3) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อ 4.3) ในกรณี 1) และบริษัทไม่อาจปฏิเสธคำขอด้วยอาศัยข้อยกเว้น (ก) หรือ (ข) ได้ หรือเป็นการคัดค้านตามข้อ 4.3) ในกรณี 2)

4) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามที่กำหนดไว้ในหมวดนี้

ข้อยกเว้น ซึ่งความในข้อนี้ไม่ให้นำมาใช้บังคับในกรณีดังต่อไปนี้

1) การเก็บรักษาไว้

(1) เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

(2) เป็นการเก็บรักษาไว้ตามที่กฎหมายกำหนด

2) การใช้

(1) เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

(2) เพื่อการปฏิบัติตามสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

(3) เพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

(4) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย

ส่วนที่ 2:

ในกรณีที่บริษัททำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ และถูกขอให้ลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการทั้งในทางเทคโนโลยี และค่าใช้จ่าย เพื่อให้เป็นไปตามคำขอนั้น โดยแจ้งผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ เพื่อให้ดำเนินการให้เป็นไปตามคำขอ

  1. การระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถขอให้บริษัททำการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ในกรณีดังต่อไปนี้

1) ในระหว่างการตรวจสอบของบริษัทตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ร้องขอให้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

2) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบ หรือทำลาย อันเนื่องมาจากได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลขอให้ระงับการใช้แทน

3) ข้อมูลส่วนบุคคลที่หมดความจำเป็น ในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลแต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้ เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายการปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

4) ในระหว่างการพิสูจน์เพื่อปฏิเสธการคัดค้านของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ว่าด้วยเหตุของการที่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม

  1. การขอให้สิทธิในการแจ้งให้บริษัทดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดกับข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดกับข้อมูลส่วนบุคคล โดยหากมีการปฏิเสธการดำเนินการตามคำขอ บริษัทจะบันทึกเหตุแห่งการปฏิเสธพร้อมเหตุผลไว้

หมวด 5: การใช้บริการบุคคลภายนอก

เมื่อบริษัทใช้บริการบุคคลภายนอกตามนโยบายการใช้บริการบุคคลภายนอก จะเป็นการกระทำเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ การลดต้นทุน และเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการจัดสรรการบริการลูกค้าให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และเครือข่ายของผู้ให้บริการภายนอก

หลักการใช้บริการบุคคลภายนอกต่อการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท จะใช้บริการบุคคลภายนอกตามนโยบายการใช้บริการบุคคลภายนอกตามประเภท/ลักษณะงาน และหลักเกณฑ์การอนุญาต บริษัทจะใช้บริการบุคคลภายนอก ที่มีการคัดสรร/คัดเลือกผู้ให้บริการตามกฎเกณฑ์ เพื่อป้องกันมิให้มีการใช้บริการบุคคลภายนอกไปในทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทับซ้อน และ/หรือคอรัปชั่น ด้วยความรับผิดชอบ และการดำเนินการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตามสัญญา และข้อตกลง

บริษัทจะจัดให้มีการกำหนดแนวทางการติดตาม ประเมินผล ตรวจสอบ และควบคุม/บริหารความเสี่ยงจากการใช้บริการบุคคลภายนอกไว้อย่างชัดเจน และเป็นลายลักษณ์อักษรที่เหมาะสมกับความสำคัญของงานที่ใช้บริการ และสอดคล้องกับนโยบายการบริหารความเสี่ยงโดยรวม

บริษัทจะเข้าทำสัญญาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processing Agreement) กับบุคคลภายนอกผู้ให้บริการที่มีความเกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ รวมทั้ง เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อควบคุมการดำเนินการของบุคคลภายนอกดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดใน พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ ตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท

หมวด 6: มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการแจ้งเหตุละเมิด

บริษัทได้จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ และจะทบทวนมาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็น หรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคลประกาศกำหนด และจัดให้มีระบบการตรวจสอบ เพื่อดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล  เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษา หรือที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ หรือที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ถอนความยินยอมพร้อมแจ้งเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล แก่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ พร้อมกับแนวทางการเยียวยาโดยไม่ชักช้าด้วย

หมวด 7: สัญญา และข้อตกลง

บริษัทจะได้จัดให้มีแนวทาง/คู่มือการทำสัญญา และข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อกำหนดขอบเขตที่ครอบคลุมถึงหลักการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือกฎหมายอื่นๆภายใต้นโยบายนี้ และ/หรือนโยบายอื่นๆภายในบริษัท และตามประกาศกฎหมายต่างๆ เพื่อความสมบูรณ์ในการปฏิบัติ และการบังคับใช้ตามสัญญา และข้อตกลงระหว่างคู่สัญญา เพื่อสร้างแนวทางการร่างสัญญา และข้อตกลงให้เป็นมาตรฐาน มีการติดตาม การปรับปรุง การต่ออายุสัญญา/ข้อตกลง และ/หรือการทำลายสัญญา/ข้อตกลงที่สิ้นสุดแล้วอย่างเป็นรูปแบบชัดเจน

หมวด 8: การอบรม และการสื่อสารภายในองค์กร

บริษัทได้จัดให้มีการอบรม และสื่อสารต่อบุคลากรภายในองค์กรเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจต่อสิทธิ หน้าที่ และผลกระทบต่อการดำเนินงาน จากการใช้บังคับกฎหมาย และการใช้บังคับภายใต้นโยบายและคู่มือหรือแนวปฏิบัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้

หมวด 9: การรับเรื่องร้องเรียน

บริษัทได้จัดให้มีหน่วยงานรับเรื่องร้องเรียน มีการบันทึกข้อมูลการร้องเรียน และผลการดำเนินการหลังรับเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นระบบ ที่สามารถเรียกขอข้อมูล/ตรวจสอบได้อยู่เสมอ ซึ่งผู้รับเรื่องร้องเรียนได้ผ่านการอบรมถึงวิธีการปฏิบัติงานและการสื่อสารต่อผู้ร้องเรียน และ/หรือผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงทั้งภายใน และภายนอกองค์กร สร้างความรู้ความเข้าใจผลกระทบต่อการดำเนินงานภายใต้การใช้บังคับของกฎหมาย และภายใต้นโยบายและคู่มือหรือแนวปฏิบัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้

หมวด 10: การบริหารความต่อเนื่อง และการบริหารความเสี่ยง

บริษัทได้จัดทำแผนรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง มีการจัดสรรทรัพยากรรองรับการดำเนินงานอย่างเพียงพอมีการประเมินผล ตรวจสอบ และควบคุม/บริหารความเสี่ยงอย่างชัดเจน และเป็นลายลักษณ์อักษรที่สอดคล้องกับนโยบายการบริหารความเสี่ยงโดยรวม

หมวด 11 : การติดตาม ประเมินผล และการตรวจสอบ

บริษัทมีระบบที่ชัดเจนในการกำกับดูแล ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงานภายใต้นโยบายนี้ อย่างเหมาะสม  เพื่อให้มีมาตรฐานการควบคุมภายใน และการให้บริการที่ดี เป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งจัดทำข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการติดตาม ประเมินผล และการตรวจสอบนี้ให้มีความถูกต้องเพื่อการปรับปรุง พัฒนา และแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที

หมวด 12 : การทบทวน และการปรับปุรงแก้ไข

บริษัทอาจทำการทบทวน ปรับปรุงหรือแก้ไขนโยบายนี้ โดยการพิจารณาอนุมัติของผู้บริหารสูงสุดของบริษัท และไม่ต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ เพื่อความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการให้บริการ หรือเพื่อให้สอดคล้องตามกฎหมายหรือกฎระเบียบของหน่วยงานกำกับดูแลภาครัฐ รวมถึงประกาศหรือระเบียบต่างๆของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญ โดยบริษัทอาจแจ้งรายละเอียดดังกล่าว และ/หรือ ขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหาก พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้ต้องกระทำการดังกล่า

ㅤㅤㅤㅤกลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จํากัด เคารพสิทธิในความเป็นส่วนตัวและมีความรับผิดชอบในการ เก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า (รวมเรียกว่า “ท่าน”) จึงได้จัดทําคําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้นมาเพื่อแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับ การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
1. บทนิยาม
ㅤㅤㅤㅤ1.1 “บริษัท” หมายถึง บริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จํากัด
ㅤㅤㅤㅤ1.2 “ท่าน” หมายถึง บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ที่มีความประสงค์ซื้อสินค้าหรือบริการ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของบริษัท หรือ ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัท เพื่อเสนอขายผลิตภัณฑ์ของบริษัท
ㅤㅤㅤㅤ1.3 “กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และกฎหมาย ลําดับรองที่เกี่ยวข้อง และให้หมายรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ ในอนาคต
ㅤㅤㅤㅤ1.4 “คณะกรรมการ” หมายถึง คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ1.5 “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทําให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ1.6 “ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลตามที่กําหนดไว้ในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล พ.ศ.2562 เช่น ข้อมูลบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือ ปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูล ชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทํานองเดียวกัน ที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคลประกาศกําหนด รวมไปถึงฉบับปรับปรุงแก้ไขตามที่จะมีการแก้ไขเป็นคราวๆ ในอนาคต
ㅤㅤㅤㅤ1.7 “การประมวลผล” หมายถึง การดําเนินการใดๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือไม่ก็ตาม เช่น การเก็บ รวบรวม บันทึก การจัดระบบ การจัดเก็บ การปรับเปลี่ยนหรือดัดแปลง การเรียกคืน การปรึกษา การใช้ การเปิดเผย (โดยรวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียงการส่ง โอน การเผยแพร่ หรือทําให้สามารถเข้าถึงหรือพร้อมใช้งานโดยวิธีใดๆ) การจัดเรียง การนํามารวมกัน การบล็อกหรือจํากัด การลบหรือทําลาย หรือการแก้ไขซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะใช้วิธีการใดๆ


2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะเก็บรวบรวม
ㅤㅤㅤㅤบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่าน ดังต่อไปนี้
ㅤㅤㅤㅤ2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
ㅤㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านเป็นการทั่วไป เช่น ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประจําตัวประชาชน วันเกิด อายุ อาชีพ เพศ รูปถ่าย หมายเลขโทรศัพท์บ้าน หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่อยู่เพื่อจัดส่งไปรษณีย์ เลขที่ หนังสือเดินทาง อีเมล เสียงสนทนา และรายละเอียดข้อมูลติดต่ออื่นๆ
ㅤㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลเกี่ยวกับการทํางานของท่าน เช่น รายได้ แหล่งที่มาของรายได้ เลขบัญชีธนาคาร ข้อมูลเกี่ยวกับภาษี รายละเอียดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคาร รายละเอียดเกี่ยวกับบัตรเครดิต และรายละเอียดหรือข้อมูล เกี่ยวกับการชําระเงินอื่นๆ
ㅤㅤㅤㅤㅤ• รายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่างๆ ได้แก่ รายละเอียดผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่างๆ ที่ท่านเคยซื้อ จากบริษัท หรือผู้ประกอบธุรกิจอื่นๆ ประเภทเดียวกันกับบริษัท เช่น การขนส่งสินค้า พิธีการศุลกากร เป็นต้น
ㅤㅤㅤㅤㅤ• สถานะทางกฎหมาย เช่น สถานะเกี่ยวกับการฟอกเงิน สถานะเกี่ยวกับการสนับสนุนเงินแก่การก่อการร้าย ภาวะ ล้มละลาย สถานะตามกฎหมายสหรัฐอเมริกาว่าด้วยการป้องกันมิให้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคลที่มีสถานะเป็น บุคคลอเมริกันหลีกเลี่ยงภาษี (Foreign Account Tax Compliance Act: FACTA) สถานะเกี่ยวกับการเกี่ยวกับการหนี ภาษีศุลกากร สถานะเกี่ยวกับกับยาเสพติด และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ㅤㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลทางเทคนิค และกิจกรรมส่วนบุคคล ลักษณะการใช้งานที่ท่านชอบ เมื่อท่านใช้เว็บไซต์ หรือแอพพลิเคชั่นของ บริษัท และอาจรวมถึงแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของผู้ให้บริการอื่น เช่น ชื่อเรียกตัวตนเฉพาะของท่านที่ใช้บน แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ IP Address คุกกี้ (cookies) ประเภทและเวอร์ชั่นของเบราว์เซอร์ การตั้งค่าเขตเวลา ประเภทของปลั๊กอินในเบราว์เซอร์ ระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์ม ข้อมูลผู้ใช้ (user profile) ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ ซึ่งรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ ข้อมูลเครือข่ายไร้สายและข้อมูลเครือข่ายทั่วไป
ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวข้างต้นเป็นข้อมูลที่จําเป็นต่อบริษัทในการดําเนินการเพื่อให้บริการแก่ท่าน ในกรณีที่บริษัทไม่ สามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้ บริษัทจะไม่สามารถขายสินค้าหรือให้บริการแก่ท่านได้
ㅤㅤㅤㅤ2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
ㅤㅤㅤㅤㅤในบางกรณี บริษัทมีความจําเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) เพื่อการ ดําเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านไม่ยินยอมให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวดังกล่าว บริษัทจะไม่ สามารถจําหน่ายหรือให้บริการแก่ท่านได้
ㅤㅤㅤㅤ2.3 ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่น
ㅤㅤㅤㅤㅤข้อมูลนี้ ได้แก่ สมาชิกในครอบครัว ผู้รับสินค้า ผู้รับขนส่งต่อ ผู้รับประกันภัย ผู้รับประกันภัยต่อ รวมถึง ข้อมูลส่วนบุคคล ของบุคคลอื่นใด ที่ท่านเปิดเผยต่อบริษัท ในกรณีที่ท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับบุคคลอื่นแก่บริษัท ท่านรับทราบและ รับรองว่าได้แจ้งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท รวมถึงวัตถุประสงค์ของคําประกาศฉบับนี้แก่บุคคลดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้ง ได้รับความยินยอมจากบุคคลนั้น ๆ แล้ว ในการเปิดเผยข้อมูลแก่บริษัท
ㅤㅤㅤㅤㅤทั้งนี้บริษัทฯ ไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมหรือใช้ข้อมูลเกี่ยวกับ เชื้อชาติ ศาสนา หมู่โลหิต หรือข้อมูลอื่น ใดนอกเหนือไปจากข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ระบุไว้แล้วข้างต้น ถึงแม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะปรากฏ อยู่บนบัตรประจําตัว ประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารอื่นใดที่ท่านได้สมัครใจเปิ ดเผยไว้ต่อบริษัท
3. วิธีการที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤบริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยวิธีต่อไปนี้
ㅤㅤㅤㅤㅤ• เมื่อท่านได้แสดงเจตนาจะซื้อบริการ และ/หรือ เมื่อท่านเข้าถึง หรือใช้เว็บไซต์ หรือแอพพลิเคชั่น และ/หรือ บริการต่างๆ ทางออนไลน์ บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ หรือทางโทรศัพท์ หรือบริการอื่นๆ ของบริษัท เรียกรวมกันว่า “ผลิตภัณฑ์” หรือ “บริการ”
ㅤㅤㅤㅤㅤ• เมื่อท่านส่งเอกสาร และใบตราขน หรือเอกสารลักษณะเดียวกันเพื่อใช้บริการ และหรือเอกสารอื่นในลักษณะเดียวกัน หรือเมื่อท่านให้ข้อมูล ในขณะที่พิจารณาจะซื้อ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ หรือบริการต่างๆ ของบริษัท
ㅤㅤㅤㅤㅤ• เมื่อท่านติดต่อสื่อสารกับบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารเป็นหนังสือหรือวาจา โดยไม่คํานึงว่าฝ่ ายใด จะเป็นผู้ติดต่อ ฝ่ายนั้นก่อนหรือไม่ก็ตาม
ㅤㅤㅤㅤㅤ• เมื่อท่านส่งคําร้องขอให้มีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่ท่านซื้อ หรือบริการที่ท่านใช้ หรือคําร้องขออื่นใด เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ซื้อ หรือบริการที่ใช้ รวมถึงการส่งแบบฟอร์มและเอกสารเกี่ยวกับการขอรับบริการ ที่เกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ของบริษัท
ㅤㅤㅤㅤㅤ• เมื่อท่านติดต่อกับบุคลากร เจ้าหน้าที่บริการท่าน พนักงานรับพัสดุ นายหน้าขนส่ง ผู้รับประกันภัย ผู้รับจ้าง คู่ค้า ผู้ ให้บริการ ผู้รับมอบอํานาจ ผู้กระทําการแทน หรือบุคคลอื่น หรือหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องของบริษัท เรียกรวมกันว่า “บุคลากรและคู่ค้าของบริษัท” ผ่านทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น สื่อสังคมออนไลน์ โทรศัพท์ อีเมล์ การพบปะกัน โดยตรง การสัมภาษณ์ ข้อความสั้น (SMS) โทรสาร ไปรษณีย์ หรือโดยวิธีการอื่นใด
ㅤㅤㅤㅤㅤ• เมื่อบริษัทได้รับการแนะนําเกี่ยวกับท่าน หรือเมื่อบริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล จากบุคลากร และคู่ค้าของบริษัท
ㅤㅤㅤㅤㅤ• เมื่อท่านส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัท เพื่อเข้าร่วมในกิจกรรมทางการตลาด การประกวด การจับฉลาก ชิงโชค งาน อีเว้นท์ หรือการแข่งขันต่างๆ ที่จัดขึ้นโดยหรือในนามของบริษัท และ/หรือบุคลากรและคู่ค้าของบริษัท
ㅤㅤㅤㅤㅤ• เมื่อบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลภายนอกเกี่ยวกับท่าน ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียงการได้รับข้อมูลจากการ ตรวจสอบจากแหล่งข้อมูลที่เป็นสาธารณะ แหล่งข้อมูลส่วนตัว หรือแหล่งข้อมูลเชิงพาณิชย์ เว็บไซต์ แหล่งข้อมูลสื่อ สังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการ ข้อมูล (data providers) แหล่งข้อมูลที่ท่านซื้อ หรือบริการที่ท่านใช้ ใบเสนอราคาสําหรับ ผลิตภัณฑ์ที่ท่านซื้อ หรือบริการ ที่ท่านใช้ การร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และ/หรือ ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท ที่ซื้อ หรือใช้โดยท่าน กล่าวคือ “แหล่งข้อมูลที่เป็ นบุคคลภายนอก”
ㅤㅤㅤㅤㅤ• เมื่อบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลภายนอกเกี่ยวกับท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมายและ เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการกํากับดูแลในประการอื่นๆ ตลอดจนเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ที่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกรมกรมศุลกากร
ㅤㅤㅤㅤㅤ• เมื่อท่านเข้ามาในบริเวณพื้นที่ของบริษัท บริษัทอาจเก็บภาพของท่านโดยใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้ เก็บข้อมูลเสียงผ่านทางกล้องโทรทัศน์วงจรปิด โดยบริษัทจะติดป้ายแจ้งให้ท่านทราบว่า มีการใช้กล้องโทรทัศน์วงจร ปิดในบริเวณพื้นที่ของบริษัท ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคล
4. วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมาย ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ และภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้

ฐานทางกฎหมาย การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
1. ฐานสัญญา (Contract) เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น
2. ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือของหน่วยงานของรัฐที่กำกับดูแลบริษัท เช่น กรมเจ้าท่า กรมศุลกากร และหน่วยงานของรัฐอื่นๆ
3. ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายต่างๆ ที่บริษัทต้องปฏิบัติตาม
4. ฐานภารกิจของรัฐ (Public Task) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะภายใต้อำนาจรัฐ
5. ฐานประโยชน์สำคัญต่อชีวิต(Vital Interest) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
6. ฐานจดหมายเหตุ/วิจัย/สถิติ (Historical Document, Research or Statistics) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้อง ที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของท่าน
7. ฐานความยินยอม (Consent) ความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท เมื่อไม่สามารถอาศัยข้อยกเว้นหรืออ้างอิง ฐานทางกฎหมายตามกรณีที่ระบุข้างต้น หรือตามกรณีที่ระบุในตารางล่างนี้ ทั้งนี้ หากบริษัทขอความยินยอมเป็นการเฉพาะจากท่าน สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้ง และที่ได้รับความยินยอมจากท่าน และบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ในกรณีที่บริษัทสามารถทำได้ตามกฎหมายหรือโดยได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากท่านแล้ว
วัตถุประสงค์ ฐานกฎหมาย
(ก) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือใช้บังคับกับบริษัท เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย หลักเกณฑ์ และระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจของบริษัท ทั้งที่มีผลใช้บังคับในปัจจุบันและที่จะมี การแก้ไขหรือเพิ่มเติมในอนาคต • ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation)
(ข) เพื่อดําเนินการเกี่ยวกับการทําธุรกรรมด้านการซื้อขายสินค้าและ การให้บริการตามสัญญาบริการ
• เสนอ ขาย จัดให้ บริหารจัดการ ดําเนินการ ปฏิบัติตามขั้นตอน กระบวนการ และจัดการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของ บริษัทให้แก่ท่าน
• ปฏิบัติตามขั้นตอน กระบวนการ จัดการ ทําให้แล้วเสร็จ ซึ่งการ ให้บริการ หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัท และการแนะนําผลิตภัณฑ์และ บริการที่เหมาะสมให้แก่ท่าน การปฏิบัติตามขั้นตอนกระบวนการ เกี่ยวกับใบเสนอราคาซื้อสินค้าและ/หรือบริการ การจัดการเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ที่ท่านซื้อ การเก็บเงินค่าสินค้าและ/หรือบริการ และเงิน ค้างชําระจากท่าน การสืบสวน วิเคราะห์ ประมวลผล และการจ่าย ค่าเสียหาย ทดแทน/ การจ่ายผลประโยชน์อันเกิดจากการใช้สินค้า และหรือบริการของท่าน ตลอดจนถึงการใช้สิทธิใดๆ ซึ่งรวมถึงสิทธิ ในการรับช่วงสิทธิ และสิทธิที่ได้รับช่วงมาด้วย (ถ้ามี) รวมทั้ง แต่ไม่จํากัดเฉพาะการประเมินความจําเป็นทางการเงินของท่าน
• ให้บริการคอลเซ็นตอร์ (Call Center) การตรวจสอบและยืนยันตัวตน ของท่าน เพื่อการพิจารณาดําเนินการตามคําร้องขอ หรือ ข้อ สอบถามจากท่าน
• บันทึกภาพถ่าย บันทึกภาพและเสียง บันทึกเสียงการสนทนาการ ให้บริการของบริษัท
• จัดทําและดํารงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือและโมเดลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยง
• ดําเนินขั้นตอนและดําเนินการตามคําสั่ง ให้มีการชําระเงิน กําหนด จํานวนหนี้ที่ท่านค้างชําระ หรือต้องชําระให้แก่ท่าน เรียกเก็บเงินหรือ ทวงถามยอดเงินใดๆ ที่ท่านหรือบุคคลใดๆ ซึ่งเป็นผู้ให้หลักประกัน หรือคํามั่นในการเข้ารับภาระหนี้สินที่ต้องชําระของท่าน
• การใช้สิทธิใดๆ ที่บริษัทอาจมีภายใต้สัญญาซื้อขายหรือสัญญา บริการของท่าน ซึ่งรวมถึงสิทธิในการรับช่วงสิทธิ (ถ้ามี) และ ใช้สิทธิใดๆ ที่บริษัทอาจมีเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่บริษัท จําหน่ายให้กับท่าน
• เพื่อสิทธิเรียกร้องต่างๆ ที่ท่านมี หรือที่บริษัทมีต่อท่าน หรือโดย ประการอื่นที่เกี่ยวข้องกับท่าน ในส่วนของผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ ใดๆ ที่บริษัทได้จัดให้กับท่าน รวมทั้ง แต่ไม่จํากัดเพียง การเรียกร้อง ปกป้อง วิเคราะห์ ตรวจสอบ ประมวลผล ประเมิน กําหนดเจรจา แก้ไข หรือยุติสิทธิเรียกร้องดังกล่าว
• ฐานสัญญา (Contract)
(ค) เพื่อการจัดการและการดำเนินการภายในเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัท ได้แก่ การออกแบบผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการใหม่ของบริษัท หรือการเสริมเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่มีอยู่ของบริษัท ให้แก่ท่านของบริษัท • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
(ง) เพื่อการติดต่อสื่อสารกับท่าน ซึ่งรวมถึงการสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับ การจัดการและข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบัญชีใดๆ ที่ท่านอาจมีกับบริษัท การให้การสนับสนุนทางเทคนิคเกี่ยวกับเว็บไซต์ และแอปพลิเคชั่นของบริษัท หรือการสื่อสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่จะมีขึ้นต่อคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ในอนาคต • ฐานสัญญา (Contract)
(จ) เพื่อการวิเคราะห์และจัดทำสถิติ ได้แก่ การทำวิจัยทางการตลาด การวิเคราะห์ข้อมูลชั้นสูง และการทำวิจัยเชิงสถิติ การรายงาน หรือ การประเมินผลใด ๆ ที่จัดทำขึ้นโดยบริษัท บุคลากรและคู่ค้าของบริษัท หรือหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท • ฐานจดหมายเหตุ/วิจัย/สถิติ (Historical Document, Research or Statistics)
(ฉ) เพื่อการป้องกันการฉ้อโกง ได้แก่ การสืบสวนหรือป้องกันการกระทําที่ เกี่ยวกับการฉ้อโกง การปกปิดข้อความจริง และการกระทําผิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการกระทําผิดจริงหรือการกระทําที่สงสัยว่าจะเป็น การกระทําผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อการตรวจสอบกับบริษัทต่างๆ ใน ธุรกิ จ ที่มีสินค้าและบริการคล้ายคลึงกับบริษัท ตลอดจน เพื่อการติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานกํากับดูแลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
(ช) เพื่อการปรับโครงสร้างของบริษัท กล่าวคือ เพื่อวัตถุประสงค์ ในการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรของบริษัท และเพื่อการทำธุรกรรม ของบริษัท รวมถึงการซื้อ หรือขายธุรกิจไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของบริษัท(ถ้ามี) • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
(ซ) เพื่อการให้บริการช่องทางการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เพื่อให้ท่านสามารถเข้าถึงเนื้อหาในเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ หรือบริการอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นการเฉพาะ โดยบริษัทอาจประมวลผลพฤติกรรมการใช้เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อการวิเคราะห์ การใช้งานเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ ของท่าน และการทำความเข้าใจลักษณะการใช้งานที่ท่านชอบ เพื่อจัดทำให้เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์เหล่านั้น ตอบสนองอย่างเหมาะสมกับท่านโดยเฉพาะ เพื่อการประเมิน หรือดำเนินการ และการปรับปรุงเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น หรือแพลตฟอร์ม สื่อสังคมออนไลน์เหล่านั้น หรือผลิตภัณฑ์และ/หรือ บริการของบริษัท การแก้ไขปัญหาต่างๆ การแนะนำผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่เกี่ยวข้อง และการจัดโฆษณาบนเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น และช่องทางอื่นๆ ตามกลุ่มเป้าหมาย • ฐานความยินยอม (Consent)
(ฌ) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย และนโยบายบริษัท ได้แก่ การดำเนินการใดๆ
• เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย และการตรวจสอบธุรกิจของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบภายใน หรือการตรวจสอบจากบุคคลภายนอก
• เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อตกลง หรือนโยบายที่ใช้บังคับ ซึ่งกำหนดขึ้นโดยหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่ระงับข้อพิพาท ไม่ว่าหน่วยงานใดก็ตาม
• เพื่อวัตถุประสงค์ของการบังคับใช้กฎหมาย หรือการให้ความช่วยเหลือ ให้ความร่วมมือการสืบสวนโดยบริษัทหรือในนามของบริษัท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือโดยหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ ในประเทศ หรือตามที่มีการตกลงเห็นชอบกับหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ ในประเทศ หรือเขตการปกครองใดๆ หรือการดำเนินการตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานของรัฐ และ
• เพื่อการดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดภายใต้นโยบายภายในของบริษัทที่ยึดถือปฏิบัติที่ออกภายใต้กฎหมาย
• ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation)
(ญ) เพื่อการบริหารจัดการข้อมูล ได้แก่ เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการ จัดเก็บบันทึก สำรอง หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
(ฎ) เพื่อพัฒนาการให้บริการและการฝึกอบรมบุคลากรของบริษัท รวมถึง การตรวจสอบ และเพิ่มคุณภาพรวมทั้ง การฝึกอบรม เมื่อมีการบันทึกการติดต่อสื่อสารของบริษัท • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
(ฏ) เพื่อดำเนินการส่งเสริมการขาย รวมถึง การดำเนินการให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์และการบริการที่เหมาะสมแก่ท่าน ซึ่งอาจรวมถึง การให้คำแนะนำและข้อมูลในเรื่องต่างๆ ตลอดจนถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์และการบริการ • ฐานความยินยอม (Consent)
(ฐ) เพื่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัย
• เพื่อตรวจสอบข้อมูลการใช้บริการของท่านเพื่อการพัฒนามาตรฐาน ความมั่นคงปลอดภัย ในการใช้บริการ การจัดการ และการคุ้มครอง โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีสารสนเทศ อาทิ การให้บริการ Wi-Fi โดยในส่วนนี้บริษัทอาจเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพียงเท่าที่จําเป็นและอาจดําเนินการให้มีการเข้ารหัส (Encrypt) ก่อนนําไปใช้ และ/หรือ จัดให้มีการสุ่มตรวจการทดสอบการเข้า ใช้งาน โดยบุคคลอื่นเพื่อนําไปใช้ในการบริหารจัดการความเสี่ยง ตรวจจับ ป้องกัน หรือขจัดการฉ้อโกง หรือ กิจกรรมอื่นๆ ที่มีแนวโน้ม ว่าจะเป็นการละเมิดกฎหมาย ระเบียบการใช้งานที่เกี่ยวข้องหรือ ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานของบริษัท
• เพื่อควบคุมการเข้าออกอาคาร และเพื่อทําให้มั่นใจว่าอาคาร และพื้นที่ของบริษัท มีความปลอดภัยและความมั่นคงต่อบุคคลากร ของบริษัทและผู้มาติดต่อบริษัท รวมทั้งต่อทรัพย์สินและข้อมูลต่างๆ ที่ตั้งอยู่หรือจัดเก็บในอาคาร เพื่อเฝ้าสังเกตและตรวจตรา การเข้า-ออกอาคาร สถานที่ที่มีการรักษาความปลอดภัย ห้องที่มีการป้องกัน โครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือข้อมูลเชิงปฏิบัติการและพื้นที่อื่น รวมเรียกว่า “อาคารและพื้นที่” ซึ่งเ ป็ นการป้องกันการเข้าออกอาคารและพื้น ที่ของบริษัท โดยไม่ได้รับอนุญาต และเพื่อป้องกัน ตรวจจับ และสืบสวน เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เช่น การเข้า-ออกอาคาร และพื้นที่ของบริษัท โดยไม่ได้รับอนุญาต การโจรกรรม อัคคีภัย หรือการทําร้ายร่างกาย
• เพื่อการบันทึกภาพและ/หรือเสียงผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) ภาพถ่าย บันทึกภาพ และเสียง บันทึกการสนทนา
• ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)

ㅤㅤㅤㅤเว้นแต่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับ รวมถึง กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะอนุญาตให้กระทําเป็นอย่างอื่น บริษัท
จะแจ้งและขอความยินยอมจากท่าน หากบริษัทประสงค์จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ใน
คําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวสําหรับท่านฉบับนี้ หรือนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับคําประกาศเกี่ยวกับความ เป็นส่วนตัวฉบับนี้
ㅤㅤㅤㅤ5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤㅤในการดําเนินการตามวัตถุประสงค์ต่างๆข้างต้น บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลต่าง ๆ
ตามที่ระบุด้านล่างนี้โดยบริษัทจะดําเนินการใด ๆ ที่จําเป็นเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามกฎหมายคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤㅤ5.1 บริษัทบุคคลที่เป็นคู่ค้า พันธมิตรของบริษัท หรือบุคคลภายนอกที่มีความเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่มีการเสนอขายให้แก่ ท่าน หรือผลิตภัณฑ์ที่ท่านอาจสนใจ เช่น บริษัทขนส่งสินค้า ตัวแทนขนส่งสินค้า ตัวแทนการดําเนินการผ่านพิธีการทาง ศุลกากร
ㅤㅤㅤㅤㅤ5.2 บุคคลผู้ดําเนินการเชิญชวน ชักชวน ชี้ช่อง จัดการให้ทํา เสนอขาย ขาย จัดจําหน่าย หรือให้บริการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และ/ หรือบริการที่เสนอโดยบริษัท หรือบริษัทในกลุ่มบริษัทให้แก่ท่าน ได้แก่ พนักงานขาย ตัวแทนขาย เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ การขาย
ㅤㅤㅤㅤㅤ5.3 บุคลากรและคู่ค้าของบริษัท ซึ่งให้บริการเกี่ยวกับการจัดการต่างๆ หรือการให้บริการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ บริการเกี่ยวกับกระบวนการทางธุรกิจ บริการเกี่ยวกับการชําระเงิน การทวงหนี้ หรือบริการโทรคมนาคม บริการด้าน เทคโนโลยี บริการคลาวด์ บริการจัดหาผู้รับจ้างปฏิบัติงาน บริการคอลเซ็นตอร์ บริการจัดเก็บของ การดําเนินการเกี่ยวกับ เอกสาร บริการเก็บบันทึกข้อมูล บริการสแกนเอกสาร บริการรับส่งไปรษณีย์ บริการจัดพิมพ์ บริการส่งพัสดุหรือบริการ รับส่งพัสดุโดยพนักงาน รับส่งพัสดุ บริการวิเคราะห์ข้อมูล บริการทําการตลาด บริการทําการวิจัย บริการบริหารจัดการเหตุ ฉุกเฉิน บริการกฎหมาย บริการผ่านพิธีการทางศุลกากร หรือบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินธุรกิจของบริษัท หรือการ จัดให้มีการบริหารจัดการ การดําเนินการ การปฏิบัติตามขั้นตอน หรือการจัดการต่าง ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของ บริษัทให้แก่ท่าน
ㅤㅤㅤㅤㅤ5.4 ผู้ประกอบธุรกิจอื่น ๆ ที่มีลักษณะธุรกิจคล้ายคลึงกับบริษัท เช่น ผู้รับประกันภัย ผู้รับขนส่งต่อ
ㅤㅤㅤㅤㅤ5.5 หน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย คณะกรรมการต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย หน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานกํากับดูแล หน่วยงานที่มีหน้าที่ระงับข้อพิพาท หรือบุคคลอื่นใดในประเทศที่บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลให้ (ก) ตามหน้าที่ตามกฎหมาย และ/หรือตามหน้าที่ในการปฏิบัติตามกฎระเบียบในประทศไทย และอาจรวมถึงหน่วยงานของรัฐในประเทศที่กลุ่มบริษัท ตั้งอยู่ หรือ (ข) ตามข้อตกลง หรือนโยบายระหว่างบริษัท กับรัฐ หน่วยงานกํากับดูแลหรือบุคคลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ㅤㅤㅤㅤㅤ5.6 บริษัทใด ๆ ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ ผู้ให้คําปรึกษาของบริษัท ซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ อาทิเช่น ทนายความ ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือที่ปรึกษา
ㅤㅤㅤㅤㅤ5.7 บุคคลหรือหน่วยงานใด ๆ ที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ต่อบุคคลหรือหน่วยงาน นั้นๆ ได้
ㅤㅤㅤㅤㅤ5.8 ผู้เข้าทําธุรกรรม หรือจะเข้าทําธุรกรรมกับบริษัทโดยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อ หรือขาย หรือ เป็นส่วนหนึ่งของการเสนอซื้อ หรือเสนอขายของกิจการของบริษัท (ถ้ามี)
ㅤㅤㅤㅤㅤ5.9 บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
ㅤㅤㅤㅤ6. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
ㅤㅤㅤㅤㅤ6.1 บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นในต่างประเทศ ในกรณีที่จําเป็นเพื่อการ ปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทําตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เพื่อ ประโยชน์ของท่าน หรือเพื่อใช้ในการดําเนินการตามคําขอของท่านก่อนเข้าทําสัญญา หรือเพื่อป้องกัน หรือระงับอันตราย ต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการจําเป็นเพื่อดําเนินภารกิจเพื่อ ประโยชน์สาธารณะที่ส ําคัญ
ㅤㅤㅤㅤㅤ6.2 บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอม พิ ว เต อ ร์ เซิร์ฟ เวอร์ ห รือ ค ลาวด์ ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่น ในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สําเร็จรูป และรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสําเร็จรูป ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่บริษัทจะ
ไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกําหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้น ต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
ㅤㅤㅤㅤㅤ6.3 ในกรณีที่มีการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคล และใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อทําให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครอง และท่านสามารถ ใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามกฎหมาย รวมถึง บริษัทจะกําหนด ให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการ ปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จําเป็นเท่านั้น และดําเนินการเพื่อ ป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจาก อํานาจโดยมิชอบ
ㅤㅤㅤㅤ7. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤㅤ7.1 บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาที่จําเป็น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามประเภทข้อมูล ส่วนบุคคลแต่ละ ประเภท เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บ รักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บ รวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)
ㅤㅤㅤㅤㅤ7.2 กรณีกล้อง CCTV บริษัทจะเก็บข้อมูล
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ• ในสถานการณ์ปกติ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกเก็บไว้นานถึง 30 วัน
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ• บริษัทจะดําเนินการลบข้อมูลดังกล่าวอย่างปลอดภัยเมื่อเสร็จสิ้นวัตถุประสงค์นั้นๆแล้ว
ㅤㅤㅤㅤㅤ7.3 บริษัทจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดําเนินการลบหรือทําลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกําหนดระยะเวลา การเก็บรักษา หรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจําเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
ㅤㅤㅤㅤㅤ7.4 กรณีที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่าน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว จนกว่าท่านจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอมและบริษัทจะดําเนินการตามคําขอของท่านเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ดี บริษัทจะยัง เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จําเป็นสําหรับบันทึกเป็นประวัติ ว่าท่านเคยยกเลิก ความยินยอม เพื่อให้บริษัทสามารถ ตอบสนองต่อคําขอของท่านในอนาคตได้
ㅤㅤㅤㅤ8. มาตรการความปลอดภัยสําหรับข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤㅤ8.1 ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นสิ่งสําคัญสําหรับบริษัท และบริษัทได้นํามาตรฐานความปลอดภัยทาง เทคนิคและการบริหารที่เหมาะสม มาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจากการสูญหาย การเข้าถึง การใช้ หรือการเปิดเผย โดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้งานในทางที่ผิด การดัดแปลง เปลี่ยนแปลง และการทําลาย โดยใช้เทคโนโลยีและขั้นตอนการ
รักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการจํากัดการเข้าถึง เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ที่เข้าถึงข้อมูล ส่วนบุคคลของท่านและบุคคลเหล่านี้ ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความสําคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤㅤ8.2 บริษัทจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล จากผู้ที่ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการ ดังกล่าว เมื่อมีความจําเป็น หรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษา ความปลอดภัยที่ เหมาะสม
ㅤㅤㅤㅤ9. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤท่านมีสิทธิดําเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้
ㅤㅤㅤㅤㅤ9.1 ถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤㅤ9.2 ขอดูและคัดลอกข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤㅤ9.3 ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกําหนดไปยังผู้ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
ㅤㅤㅤㅤㅤ9.4 คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน
ㅤㅤㅤㅤㅤ9.5 ลบหรือทําลาย หรือทําให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ (anonymization)
ㅤㅤㅤㅤㅤ9.6 ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤㅤ9.7 แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
ㅤㅤㅤㅤㅤ9.8 ร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณี ที่บริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวม ทั้ ง ลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัท หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤㅤทั้งนี้ บริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคําร้องขอใช้สิทธิของท่านโดยเร็วภายใน 30 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับคํา
ร้องขอดังกล่าว และสิทธิตามที่กล่าวมาข้างต้น เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกําหนด ลูกค้าสามารถใช้สิทธิตามกฎหมาย ได้โดย คลิกที่นี่ หรือไปที่ https://tccs.co.th (โดยจะเริ่มใช้สิทธิได้เมื่อ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับผู้ ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล) เท่าที่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับอนุญาต บริษัทอาจมีสิทธิเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผลสําหรับ การดําเนินการเกี่ยวกับคําร้องขอใช้สิทธิข้างต้น
ㅤㅤㅤㅤ10. การใช้คุกกี้
ㅤㅤㅤㅤบริษัทมีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กําหนดไว้ตาม นโยบายการใช้คุกกี้ㅤㅤ
ㅤㅤㅤㅤ11. การขอความยินยอมและผลกระทบที่เป็ นไปได้จากการถอนความยินยอม
ㅤㅤㅤㅤㅤ11.1 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะ ถอนความยินยอมของท่านที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้ จะไม่ส่งผลกระทบ ต่อการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
ㅤㅤㅤㅤㅤ11.2 หากท่านถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัท หรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดําเนินการ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้
ㅤㅤㅤㅤㅤ11.3 หากท่านมีอายุไม่ครบ 20 ปี บ ริบูร ณ์ ห รือ ยังไม่บรรลุนิติภาวะโดยการสมรส ก่อ น ก ารให้ค วาม ยิน ย อ ม โปรดแจ้งรายละเอียดผู้ใช้อํานาจปกครองให้บริษัททราบ เพื่อให้บริษัทสามารถดําเนินการขอความยินยอม จากผู้ใช้อํานาจปกครองด้วย
ㅤㅤㅤㅤ12. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําประกาศฉบับนี้
คําประกาศฉบับนี้อาจมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
หากเป็นการเปลี่ยนแปลงในสาระสําคัญของคําประกาศฉบับนี้บริษัทจะแจ้งการแก้ไขการเปลี่ยนแปลง การปรับปรุง หรือการปรับเปลี่ยน นโยบายให้ท่านทราบ โดยท่านสามารถตรวจสอบคําประกาศนี้ได้ที่ https://tccs.co.th
ㅤㅤㅤㅤ13. ช่องทางการติดต่อ
ㅤㅤㅤㅤหากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาส่วนใด ๆ ในคําประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
แนวทางปฏิบัติของบริษัทเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือต้องการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรุณา ติดต่อบริษัท

รายละเอียดของบริษัทฯ
ที่อยู่1168/5 อาคารลุมพินีทาวเวอร์ ชั้น 3 ถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 ช่องทางการติดต่อ: โทร 02 0267111 เวลาทําการ 9.00 – 17.00 น. อีเมลรับเรื่องสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: อีเมล์ dpo_tccgroup@tccs.co.th

ㅤㅤㅤㅤกลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จํากัด เคารพสิทธิในความเป็นส่วนตัวและมีความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย
ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า (รวมเรียกว่า “ท่าน”) จึงได้จัดทําคําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้นมาเพื่อแจ้งรายละเอียด เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

1. บทนิยาม
ㅤㅤㅤㅤ1.1 “บริษัท” หมายถึง กลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จํากัด
ㅤㅤㅤㅤ1.2 “คู่ค้า และบุคคลภายนอก” หมายถึง ผู้รับขนส่งแทน เอเจนซี่ขนส่งสินค้า บุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้อง ค่าเสียหาย เช่น อนุญาโตตุลาการ บุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง กับการเรียกร้องค่าเสียหาย บุคคล กลุ่มบุคคล หรือนิติ บุคคลที่ทําธุรกิจร่วมกับบริษัท ที่ไม่เกี่ยวกับการเสนอขายผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัท เช่น ผู้รับจ้างขนส่งสินค้า ผู้ให้บริการพันธมิตรทางธุรกิจ ที่ปรึกษา ผู้แทน ผู้รับเหมาอิสระ ผู้ร่วมทุน คนกลาง นักข่าว ผู้ลงโฆษณา เอเจนซี่โฆษณา สํานักพิมพ์ ผู้ตรวจสอบภายนอก ผู้สํารวจและวิเคราะห์การตลาด ผู้จัดงานกิจกรรมหรืออีเว้นท์ เจ้าหนี้ ลูกหนี้ คู่ความใน คดี พนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ บุคคลที่สามที่แต่งตั้งโดยบริษัท ซึ่งมีอํานาจเป็น ตัวแทนของบริษัท รวมถึงแต่ไม่ได้จํากัดเพียงหน่วยงานของรัฐ และให้หมายความรวมถึงบุคคลหรือนิติบุคคลใดที่ไม่อยู่ใน คําจํากัดความของคําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวสําหรับลูกค้า พนักงาน ผู้ฝึกงาน ผู้สมัครงาน ผู้สมัครฝึกงาน ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ผู้เข้ามาติดต่อ กรรมการ หรือผู้ถือหุ้น ของบริษัท
ㅤㅤㅤㅤ1.3 “กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และกฎหมาย ลําดับรองที่เกี่ยวข้อง และให้หมายรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ ในอนาคต
ㅤㅤㅤㅤ1.4 “คณะกรรมการ” หมายถึง คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ1.5 “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทําให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อมแต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ1.6 “ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลตามที่กําหนดไว้ในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 เช่นข้อมูลบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือ ปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูล พันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่ง กระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทํานองเดียวกันที่คณะกรรมการ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกําหนด รวมไปถึงฉบับปรับปรุงแก้ไข ตามที่จะมีการแก้ไขเป็นคราวๆ ในอนาคต
ㅤㅤㅤㅤ1.7 “การประมวลผล” หมายถึง การดําเนินการใดๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าด้วยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม เช่น การเก็บ รวบรวม บันทึก การจัดระบบ การจัดเก็บ การปรับเปลี่ยนหรือดัดแปลง การเรียกคืน การปรึกษา การใช้การเปิดเผย (โดย การส่ง โอน การเผยแพร่ หรือทําให้สามารถเข้าถึงหรือพร้อมใช้งานโดยวิธีใดๆ) การจัดเรียง การนํามารวมกัน การบล็อก หรือจํากัด การลบหรือทําลาย หรือการแก้ไขซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ว่าจะใช้วิธีการใดๆ

2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะเก็บรวบรวม
บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่าน ดังต่อไปนี้
ㅤㅤㅤㅤ2.1 กรณีที่ท่านดําเนินการในนามของตนเอง
ㅤㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวบุคคล อาทิ ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่อยู่ปัจจุบัน เบอร์โทรศัพท์บ้านหรือมือถือ อีเมล์ หรือรายละเอียดการติดต่ออื่นๆ เพศ สัญชาติ วันเกิด รูปถ่าย เลขที่หนังสือเดินทางหรือบัตรประจําตัวประชาชน
ㅤㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลนามบัตร ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของท่าน หรือข้อมูลเกี่ยวกับคุณวุฒิและประวัติการทํางาน ของท่าน
ㅤㅤㅤㅤㅤ• ประวัติ เกี่ ยวกับประสิทธิภาพการทํางาน รวม ถึง การประเมินผลการปฏิบัติงาน รางวัล ที่ เคยได้รับ ประวัติการถูกร้องเรียนบันทึกการสอบสวน การถูกเลิกจ้าง และโทษทางวินัย รวมถึงการตรวจสอบ และการประเมินความเสี่ยง
ㅤㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลเกี่ยวกับผลประโยชน์และค่าตอบแทน เช่น เลขบัญชีธนาคาร ข้อมูลทางภาษี
ㅤㅤㅤㅤข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวข้างต้นจําเป็นสําหรับการเข้าทําสัญญากับบริษัท หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทจะไม่สามารถดําเนินการพิจารณาเพื่อเข้าทําสัญญากับท่านได้
ㅤㅤㅤㅤ2.2 กรณีที่ท่านดําเนินการแทนหรือเพื่อนิติบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤกรณีที่คู่สัญญาของบริษัทเป็นนิติบุคคล บริษัทอาจประมวลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในฐานะที่ท่านเป็นพนักงาน ผู้รับจ้าง หรือ ผู้มีอํานาจกระทําการแทนนิติบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวบุคคล อาทิ ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่อยู่ปัจจุบัน เบอร์โทรศัพท์บ้านหรือมือถือ อีเมล รูปถ่าย เลขที่หนังสือเดินทางหรือเลขที่บัตรประจําตัวประชาชน
ㅤㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลของท่านที่ปรากฏในหนังสือรับรองบริษัท บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น หรือเอกสารเกี่ยวกับนิติบุคคลอื่นใดที่มีข้อมูล ส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤㅤ• ประวัติเกี่ยวกับการล้มละลาย การฟอกเงิน หรือการให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ก่อการร้าย ยาเสพติด
ㅤㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลอื่นใดที่บริษัทร้องขอจากนิติบุคคลของท่าน หรือจากท่านเพื่อใช้ในการประกอบการเข้าทําสัญญา การบริการ หรือการดําเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ตามที่บริษัทได้แจ้งหรือร้องขอไปยังท่าน
ㅤㅤㅤㅤ2.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
ㅤㅤㅤㅤนอกจากข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุข้างต้น บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่าน เช่น ประวัติ
อาชญากรรม เพื่อประกอบการตรวจสอบในการเข้าทําสัญญากับบริษัท เช่น ตรวจสอบเพื่อการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและ การให้การสนับสนุนแก่ผู้ก่อการร้าย ตรวจสอบเพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็นต้น ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวดังกล่าว ข้างตัน จําเป็นสําหรับการเข้าทําสัญญากับบริษัท หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทอาจจะไม่สามารถดําเนินการพิจารณา เพื่อเข้าทําสัญญากับท่านได้
ㅤㅤㅤㅤในกรณีที่ท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับบุคคลอื่นแก่บริษัท ท่านรับทราบและรับรองว่าได้แจ้งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลของบริษัท รวมถึงวัตถุประสงค์ ของคําประกาศฉบับนี้แก่บุคคลดังกล่าว พร้อมทั้งได้รับความยินยอมจากบุคคลนั้นๆ แล้วในการ เปิดเผยข้อมูลแก่บริษัท
ㅤㅤㅤㅤทั้งนี้บริษัทฯ ไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมหรือใช้ข้อมูลเกี่ยวกับ เชื้อ ชาติ ศาสนา หมู่โลหิต หรือข้อมูลอื่นใด นอกเหนือไปจากข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ระบุไว้แล้วข้างต้น ถึงแม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะปรากฏอยู่บนบัตรประจําตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารอื่นใดที่ท่านได้สมัครใจเปิดเผยไว้ต่อบริษัท
3. วิธีการที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
โดยทั่วไปบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยวิธีดังต่อไปนี้
ㅤㅤㅤㅤ3.1 บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงจากท่าน เว้นแต่ บางกรณีที่บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลของท่าน จากบุคคลอื่นที่แนะนําท่านให้บริษัท จากแหล่งข้อมูลสาธารณะแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของท่าน หรือแหล่งข้อมูลทาง การค้า
ㅤㅤㅤㅤ3.2 เมื่อท่านเข้ามาติดต่อ ขายสินค้า หรือให้บริการใดๆ แก่บริษัท
ㅤㅤㅤㅤ3.3 เมื่อท่านเข้ามาในบริเวณพื้นที่ของบริษัท บริษัทอาจเก็บภาพของท่านโดยใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้เก็บข้อมูลเสียงผ่านทางกล้องโทรทัศน์วงจรปิด และบริษัทจะติดป้ายแจ้งให้ท่านทราบว่ามีการใช้ กล้องโทรทัศน์วงจรปิดในบริเวณพื้นที่ของบริษัท
ㅤㅤㅤㅤ3.4 เมื่อท่านติดต่อหรือร่วมกิจกรรมใดๆ กับบริษัท
4. วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมาย ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ และภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้

ฐานทางกฎหมาย การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
1. ฐานสัญญา (Contract) เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น
2. ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือของหน่วยงานของรัฐที่กำกับดูแลบริษัท เช่น กรมเจ้าท่า กรมศุลกากร และหน่วยงานของรัฐอื่นๆ
3. ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายต่างๆ ที่บริษัทต้องปฏิบัติตาม
4. ฐานภารกิจของรัฐ (Public Task) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะภายใต้อำนาจรัฐ
5. ฐานประโยชน์สำคัญต่อชีวิต(Vital Interest) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
6. ฐานจดหมายเหตุ/วิจัย/สถิติ (Historical Document, Research or Statistics) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้อง ที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของท่าน
7. ฐานความยินยอม (Consent) ความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท เมื่อไม่สามารถอาศัยข้อยกเว้นหรืออ้างอิง ฐานทางกฎหมายตามกรณีที่ระบุข้างต้น หรือตามกรณีที่ระบุในตารางล่างนี้ ทั้งนี้ หากบริษัทขอความยินยอมเป็นการเฉพาะจากท่าน สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้ง และที่ได้รับความยินยอมจากท่าน และบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ในกรณีที่บริษัทสามารถทำได้ตามกฎหมายหรือโดยได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากท่านแล้ว
วัตถุประสงค์ ฐานกฎหมาย
(ก) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือใช้บังคับกับบริษัท เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย หลักเกณฑ์ และระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจของบริษัท ทั้งที่มีผลใช้บังคับในปัจจุบันและที่จะมี การแก้ไขหรือเพิ่มเติมในอนาคต • ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation)
(ข) เพื่อดําเนินการเกี่ยวกับการทําธุรกรรมด้านการซื้อขายสินค้าและ การให้บริการตามสัญญาบริการ
• เสนอ ขาย จัดให้ บริหารจัดการ ดําเนินการ ปฏิบัติตามขั้นตอน กระบวนการ และจัดการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของ บริษัทให้แก่ท่าน
• ปฏิบัติตามขั้นตอน กระบวนการ จัดการ ทําให้แล้วเสร็จ ซึ่งการ ให้บริการ หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัท และการแนะนําผลิตภัณฑ์และ บริการที่เหมาะสมให้แก่ท่าน การปฏิบัติตามขั้นตอนกระบวนการ เกี่ยวกับใบเสนอราคาซื้อสินค้าและ/หรือบริการ การจัดการเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ที่ท่านซื้อ การเก็บเงินค่าสินค้าและ/หรือบริการ และเงิน ค้างชําระจากท่าน การสืบสวน วิเคราะห์ ประมวลผล และการจ่าย ค่าเสียหาย ทดแทน/ การจ่ายผลประโยชน์อันเกิดจากการใช้สินค้า และหรือบริการของท่าน ตลอดจนถึงการใช้สิทธิใดๆ ซึ่งรวมถึงสิทธิ ในการรับช่วงสิทธิ และสิทธิที่ได้รับช่วงมาด้วย (ถ้ามี) รวมทั้ง แต่ไม่จํากัดเฉพาะการประเมินความจําเป็นทางการเงินของท่าน
• ให้บริการคอลเซ็นตอร์ (Call Center) การตรวจสอบและยืนยันตัวตน ของท่าน เพื่อการพิจารณาดําเนินการตามคําร้องขอ หรือ ข้อ สอบถามจากท่าน
• บันทึกภาพถ่าย บันทึกภาพและเสียง บันทึกเสียงการสนทนาการ ให้บริการของบริษัท
• จัดทําและดํารงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือและโมเดลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยง
• ดําเนินขั้นตอนและดําเนินการตามคําสั่ง ให้มีการชําระเงิน กําหนด จํานวนหนี้ที่ท่านค้างชําระ หรือต้องชําระให้แก่ท่าน เรียกเก็บเงินหรือ ทวงถามยอดเงินใดๆ ที่ท่านหรือบุคคลใดๆ ซึ่งเป็นผู้ให้หลักประกัน หรือคํามั่นในการเข้ารับภาระหนี้สินที่ต้องชําระของท่าน
• การใช้สิทธิใดๆ ที่บริษัทอาจมีภายใต้สัญญาซื้อขายหรือสัญญา บริการของท่าน ซึ่งรวมถึงสิทธิในการรับช่วงสิทธิ (ถ้ามี) และ ใช้สิทธิใดๆ ที่บริษัทอาจมีเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่บริษัท จําหน่ายให้กับท่าน
• เพื่อสิทธิเรียกร้องต่างๆ ที่ท่านมี หรือที่บริษัทมีต่อท่าน หรือโดย ประการอื่นที่เกี่ยวข้องกับท่าน ในส่วนของผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ ใดๆ ที่บริษัทได้จัดให้กับท่าน รวมทั้ง แต่ไม่จํากัดเพียง การเรียกร้อง ปกป้อง วิเคราะห์ ตรวจสอบ ประมวลผล ประเมิน กําหนดเจรจา แก้ไข หรือยุติสิทธิเรียกร้องดังกล่าว
• ฐานสัญญา (Contract)
(ค) เพื่อการจัดการและการดำเนินการภายในเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัท ได้แก่ การออกแบบผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการใหม่ของบริษัท หรือการเสริมเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่มีอยู่ของบริษัท ให้แก่ท่านของบริษัท • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
(ง) เพื่อการติดต่อสื่อสารกับท่าน ซึ่งรวมถึงการสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับ การจัดการและข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบัญชีใดๆ ที่ท่านอาจมีกับบริษัท การให้การสนับสนุนทางเทคนิคเกี่ยวกับเว็บไซต์ และแอปพลิเคชั่นของบริษัท หรือการสื่อสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่จะมีขึ้นต่อคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ในอนาคต • ฐานสัญญา (Contract)
(จ) เพื่อการวิเคราะห์และจัดทำสถิติ ได้แก่ การทำวิจัยทางการตลาด การวิเคราะห์ข้อมูลชั้นสูง และการทำวิจัยเชิงสถิติ การรายงาน หรือ การประเมินผลใด ๆ ที่จัดทำขึ้นโดยบริษัท บุคลากรและคู่ค้าของบริษัท หรือหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท • ฐานจดหมายเหตุ/วิจัย/สถิติ (Historical Document, Research or Statistics)
(ฉ) เพื่อการป้องกันการฉ้อโกง ได้แก่ การสืบสวนหรือป้องกันการกระทําที่ เกี่ยวกับการฉ้อโกง การปกปิดข้อความจริง และการกระทําผิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการกระทําผิดจริงหรือการกระทําที่สงสัยว่าจะเป็น การกระทําผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อการตรวจสอบกับบริษัทต่างๆ ใน ธุรกิ จ ที่มีสินค้าและบริการคล้ายคลึงกับบริษัท ตลอดจน เพื่อการติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานกํากับดูแลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
(ช) เพื่อการปรับโครงสร้างของบริษัท กล่าวคือ เพื่อวัตถุประสงค์ ในการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรของบริษัท และเพื่อการทำธุรกรรม ของบริษัท รวมถึงการซื้อ หรือขายธุรกิจไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของบริษัท(ถ้ามี) • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
(ซ) เพื่อการให้บริการช่องทางการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เพื่อให้ท่านสามารถเข้าถึงเนื้อหาในเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ หรือบริการอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นการเฉพาะ โดยบริษัทอาจประมวลผลพฤติกรรมการใช้เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อการวิเคราะห์ การใช้งานเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ ของท่าน และการทำความเข้าใจลักษณะการใช้งานที่ท่านชอบ เพื่อจัดทำให้เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์เหล่านั้น ตอบสนองอย่างเหมาะสมกับท่านโดยเฉพาะ เพื่อการประเมิน หรือดำเนินการ และการปรับปรุงเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น หรือแพลตฟอร์ม สื่อสังคมออนไลน์เหล่านั้น หรือผลิตภัณฑ์และ/หรือ บริการของบริษัท การแก้ไขปัญหาต่างๆ การแนะนำผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่เกี่ยวข้อง และการจัดโฆษณาบนเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น และช่องทางอื่นๆ ตามกลุ่มเป้าหมาย • ฐานความยินยอม (Consent)
(ฌ) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย และนโยบายบริษัท ได้แก่ การดำเนินการใดๆ
• เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย และการตรวจสอบธุรกิจของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบภายใน หรือการตรวจสอบจากบุคคลภายนอก
• เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อตกลง หรือนโยบายที่ใช้บังคับ ซึ่งกำหนดขึ้นโดยหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่ระงับข้อพิพาท ไม่ว่าหน่วยงานใดก็ตาม
• เพื่อวัตถุประสงค์ของการบังคับใช้กฎหมาย หรือการให้ความช่วยเหลือ ให้ความร่วมมือการสืบสวนโดยบริษัทหรือในนามของบริษัท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือโดยหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ ในประเทศ หรือตามที่มีการตกลงเห็นชอบกับหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ ในประเทศ หรือเขตการปกครองใดๆ หรือการดำเนินการตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานของรัฐ และ
• เพื่อการดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดภายใต้นโยบายภายในของบริษัทที่ยึดถือปฏิบัติที่ออกภายใต้กฎหมาย
• ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation)
(ญ) เพื่อการบริหารจัดการข้อมูล ได้แก่ เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการ จัดเก็บบันทึก สำรอง หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
(ฎ) เพื่อพัฒนาการให้บริการและการฝึกอบรมบุคลากรของบริษัท รวมถึง การตรวจสอบ และเพิ่มคุณภาพรวมทั้ง การฝึกอบรม เมื่อมีการบันทึกการติดต่อสื่อสารของบริษัท • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
(ฏ) เพื่อดำเนินการส่งเสริมการขาย รวมถึง การดำเนินการให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์และการบริการที่เหมาะสมแก่ท่าน ซึ่งอาจรวมถึง การให้คำแนะนำและข้อมูลในเรื่องต่างๆ ตลอดจนถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์และการบริการ • ฐานความยินยอม (Consent)
(ฐ) เพื่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัย
• เพื่อตรวจสอบข้อมูลการใช้บริการของท่านเพื่อการพัฒนามาตรฐาน ความมั่นคงปลอดภัย ในการใช้บริการ การจัดการ และการคุ้มครอง โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีสารสนเทศ อาทิ การให้บริการ Wi-Fi โดยในส่วนนี้บริษัทอาจเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพียงเท่าที่จําเป็นและอาจดําเนินการให้มีการเข้ารหัส (Encrypt) ก่อนนําไปใช้ และ/หรือ จัดให้มีการสุ่มตรวจการทดสอบการเข้า ใช้งาน โดยบุคคลอื่นเพื่อนําไปใช้ในการบริหารจัดการความเสี่ยง ตรวจจับ ป้องกัน หรือขจัดการฉ้อโกง หรือ กิจกรรมอื่นๆ ที่มีแนวโน้ม ว่าจะเป็นการละเมิดกฎหมาย ระเบียบการใช้งานที่เกี่ยวข้องหรือ ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานของบริษัท
• เพื่อควบคุมการเข้าออกอาคาร และเพื่อทําให้มั่นใจว่าอาคาร และพื้นที่ของบริษัท มีความปลอดภัยและความมั่นคงต่อบุคคลากร ของบริษัทและผู้มาติดต่อบริษัท รวมทั้งต่อทรัพย์สินและข้อมูลต่างๆ ที่ตั้งอยู่หรือจัดเก็บในอาคาร เพื่อเฝ้าสังเกตและตรวจตรา การเข้า-ออกอาคาร สถานที่ที่มีการรักษาความปลอดภัย ห้องที่มีการป้องกัน โครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือข้อมูลเชิงปฏิบัติการและพื้นที่อื่น รวมเรียกว่า “อาคารและพื้นที่” ซึ่งเ ป็ นการป้องกันการเข้าออกอาคารและพื้น ที่ของบริษัท โดยไม่ได้รับอนุญาต และเพื่อป้องกัน ตรวจจับ และสืบสวน เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เช่น การเข้า-ออกอาคาร และพื้นที่ของบริษัท โดยไม่ได้รับอนุญาต การโจรกรรม อัคคีภัย หรือการทําร้ายร่างกาย
• เพื่อการบันทึกภาพและ/หรือเสียงผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) ภาพถ่าย บันทึกภาพ และเสียง บันทึกการสนทนา
• ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)

ㅤㅤㅤㅤเว้นแต่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับ รวมถึง กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะอนุญาตให้กระทําเป็นอย่างอื่น บริษัท
จะแจ้งและขอความยินยอมจากท่าน หากบริษัทประสงค์จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ใน
คําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวสําหรับท่านฉบับนี้ หรือนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับคําประกาศเกี่ยวกับความ เป็นส่วนตัวฉบับนี้
ㅤㅤㅤㅤ5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤㅤในการดําเนินการตามวัตถุประสงค์ต่างๆข้างต้น บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลต่าง ๆ
ตามที่ระบุด้านล่างนี้โดยบริษัทจะดําเนินการใด ๆ ที่จําเป็นเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามกฎหมายคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤㅤ5.1 บริษัทบุคคลที่เป็นคู่ค้า พันธมิตรของบริษัท หรือบุคคลภายนอกที่มีความเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่มีการเสนอขายให้แก่ ท่าน หรือผลิตภัณฑ์ที่ท่านอาจสนใจ เช่น บริษัทขนส่งสินค้า ตัวแทนขนส่งสินค้า ตัวแทนการดําเนินการผ่านพิธีการทาง ศุลกากร
ㅤㅤㅤㅤㅤ5.2 บุคคลผู้ดําเนินการเชิญชวน ชักชวน ชี้ช่อง จัดการให้ทํา เสนอขาย ขาย จัดจําหน่าย หรือให้บริการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และ/ หรือบริการที่เสนอโดยบริษัท หรือบริษัทในกลุ่มบริษัทให้แก่ท่าน ได้แก่ พนักงานขาย ตัวแทนขาย เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ การขาย
ㅤㅤㅤㅤㅤ5.3 บุคลากรและคู่ค้าของบริษัท ซึ่งให้บริการเกี่ยวกับการจัดการต่างๆ หรือการให้บริการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ บริการเกี่ยวกับกระบวนการทางธุรกิจ บริการเกี่ยวกับการชําระเงิน การทวงหนี้ หรือบริการโทรคมนาคม บริการด้าน เทคโนโลยี บริการคลาวด์ บริการจัดหาผู้รับจ้างปฏิบัติงาน บริการคอลเซ็นตอร์ บริการจัดเก็บของ การดําเนินการเกี่ยวกับ เอกสาร บริการเก็บบันทึกข้อมูล บริการสแกนเอกสาร บริการรับส่งไปรษณีย์ บริการจัดพิมพ์ บริการส่งพัสดุหรือบริการ รับส่งพัสดุโดยพนักงาน รับส่งพัสดุ บริการวิเคราะห์ข้อมูล บริการทําการตลาด บริการทําการวิจัย บริการบริหารจัดการเหตุ ฉุกเฉิน บริการกฎหมาย บริการผ่านพิธีการทางศุลกากร หรือบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินธุรกิจของบริษัท หรือการ จัดให้มีการบริหารจัดการ การดําเนินการ การปฏิบัติตามขั้นตอน หรือการจัดการต่าง ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของ บริษัทให้แก่ท่าน
ㅤㅤㅤㅤㅤ5.4 ผู้ประกอบธุรกิจอื่น ๆ ที่มีลักษณะธุรกิจคล้ายคลึงกับบริษัท เช่น ผู้รับประกันภัย ผู้รับขนส่งต่อ
ㅤㅤㅤㅤㅤ5.5 หน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย คณะกรรมการต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย หน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานกํากับดูแล หน่วยงานที่มีหน้าที่ระงับข้อพิพาท หรือบุคคลอื่นใดในประเทศที่บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลให้ (ก) ตามหน้าที่ตามกฎหมาย และ/หรือตามหน้าที่ในการปฏิบัติตามกฎระเบียบในประทศไทย และอาจรวมถึงหน่วยงานของรัฐในประเทศที่กลุ่มบริษัท ตั้งอยู่ หรือ (ข) ตามข้อตกลง หรือนโยบายระหว่างบริษัท กับรัฐ หน่วยงานกํากับดูแลหรือบุคคลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ㅤㅤㅤㅤㅤ5.6 บริษัทใด ๆ ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ ผู้ให้คําปรึกษาของบริษัท ซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ อาทิเช่น ทนายความ ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือที่ปรึกษา
ㅤㅤㅤㅤㅤ5.7 บุคคลหรือหน่วยงานใด ๆ ที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ต่อบุคคลหรือหน่วยงาน นั้นๆ ได้
ㅤㅤㅤㅤㅤ5.8 ผู้เข้าทําธุรกรรม หรือจะเข้าทําธุรกรรมกับบริษัทโดยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อ หรือขาย หรือ เป็นส่วนหนึ่งของการเสนอซื้อ หรือเสนอขายของกิจการของบริษัท (ถ้ามี)
ㅤㅤㅤㅤㅤ5.9 บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
ㅤㅤㅤㅤ6. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
ㅤㅤㅤㅤㅤ6.1 บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นในต่างประเทศ ในกรณีที่จําเป็นเพื่อการ ปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทําตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เพื่อ ประโยชน์ของท่าน หรือเพื่อใช้ในการดําเนินการตามคําขอของท่านก่อนเข้าทําสัญญา หรือเพื่อป้องกัน หรือระงับอันตราย ต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการจําเป็นเพื่อดําเนินภารกิจเพื่อ ประโยชน์สาธารณะที่ส ําคัญ
ㅤㅤㅤㅤㅤ6.2 บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอม พิ ว เต อ ร์ เซิร์ฟ เวอร์ ห รือ ค ลาวด์ ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่น ในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สําเร็จรูป และรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสําเร็จรูป ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่บริษัทจะ
ไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกําหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้น ต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
ㅤㅤㅤㅤㅤ6.3 ในกรณีที่มีการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคล และใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อทําให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครอง และท่านสามารถ ใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามกฎหมาย รวมถึง บริษัทจะกําหนด ให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการ ปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จําเป็นเท่านั้น และดําเนินการเพื่อ ป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจาก อํานาจโดยมิชอบ
ㅤㅤㅤㅤ7. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤㅤ7.1 บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาที่จําเป็น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามประเภทข้อมูล ส่วนบุคคลแต่ละ ประเภท เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บ รักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บ รวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)
ㅤㅤㅤㅤㅤ7.2 กรณีกล้อง CCTV บริษัทจะเก็บข้อมูล
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ• ในสถานการณ์ปกติ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกเก็บไว้นานถึง 30 วัน
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ• บริษัทจะดําเนินการลบข้อมูลดังกล่าวอย่างปลอดภัยเมื่อเสร็จสิ้นวัตถุประสงค์นั้นๆแล้ว
ㅤㅤㅤㅤㅤ7.3 บริษัทจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดําเนินการลบหรือทําลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกําหนดระยะเวลา การเก็บรักษา หรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจําเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
ㅤㅤㅤㅤㅤ7.4 กรณีที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่าน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว จนกว่าท่านจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอมและบริษัทจะดําเนินการตามคําขอของท่านเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ดี บริษัทจะยัง เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จําเป็นสําหรับบันทึกเป็นประวัติ ว่าท่านเคยยกเลิก ความยินยอม เพื่อให้บริษัทสามารถ ตอบสนองต่อคําขอของท่านในอนาคตได้
ㅤㅤㅤㅤ8. มาตรการความปลอดภัยสําหรับข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤㅤ8.1 ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นสิ่งสําคัญสําหรับบริษัท และบริษัทได้นํามาตรฐานความปลอดภัยทาง เทคนิคและการบริหารที่เหมาะสม มาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจากการสูญหาย การเข้าถึง การใช้ หรือการเปิดเผย โดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้งานในทางที่ผิด การดัดแปลง เปลี่ยนแปลง และการทําลาย โดยใช้เทคโนโลยีและขั้นตอนการ
รักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการจํากัดการเข้าถึง เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ที่เข้าถึงข้อมูล ส่วนบุคคลของท่านและบุคคลเหล่านี้ ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความสําคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤㅤ8.2 บริษัทจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล จากผู้ที่ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการ ดังกล่าว เมื่อมีความจําเป็น หรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษา ความปลอดภัยที่ เหมาะสม
ㅤㅤㅤㅤ9. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤท่านมีสิทธิดําเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้
ㅤㅤㅤㅤㅤ9.1 ถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤㅤ9.2 ขอดูและคัดลอกข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤㅤ9.3 ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกําหนดไปยังผู้ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
ㅤㅤㅤㅤㅤ9.4 คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน
ㅤㅤㅤㅤㅤ9.5 ลบหรือทําลาย หรือทําให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ (anonymization)
ㅤㅤㅤㅤㅤ9.6 ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤㅤ9.7 แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
ㅤㅤㅤㅤㅤ9.8 ร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณี ที่บริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวม ทั้ ง ลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัท หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤㅤทั้งนี้ บริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคําร้องขอใช้สิทธิของท่านโดยเร็วภายใน 30 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับคํา
ร้องขอดังกล่าว และสิทธิตามที่กล่าวมาข้างต้น เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกําหนด ลูกค้าสามารถใช้สิทธิตามกฎหมาย ได้โดย คลิกที่นี่ หรือไปที่ https://tccs.co.th (โดยจะเริ่มใช้สิทธิได้เมื่อ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับผู้ ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล) เท่าที่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับอนุญาต บริษัทอาจมีสิทธิเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผลสําหรับ การดําเนินการเกี่ยวกับคําร้องขอใช้สิทธิข้างต้น
ㅤㅤㅤㅤ10. การใช้คุกกี้
ㅤㅤㅤㅤบริษัทมีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กําหนดไว้ตาม นโยบายการใช้คุกกี้ㅤㅤ
ㅤㅤㅤㅤ11. การขอความยินยอมและผลกระทบที่เป็ นไปได้จากการถอนความยินยอม
ㅤㅤㅤㅤㅤ11.1 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะ ถอนความยินยอมของท่านที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้ จะไม่ส่งผลกระทบ ต่อการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
ㅤㅤㅤㅤㅤ11.2 หากท่านถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัท หรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดําเนินการ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้
ㅤㅤㅤㅤㅤ11.3 หากท่านมีอายุไม่ครบ 20 ปี บ ริบูร ณ์ ห รือ ยังไม่บรรลุนิติภาวะโดยการสมรส ก่อ น ก ารให้ค วาม ยิน ย อ ม โปรดแจ้งรายละเอียดผู้ใช้อํานาจปกครองให้บริษัททราบ เพื่อให้บริษัทสามารถดําเนินการขอความยินยอม จากผู้ใช้อํานาจปกครองด้วย
ㅤㅤㅤㅤ12. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําประกาศฉบับนี้
คําประกาศฉบับนี้อาจมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
หากเป็นการเปลี่ยนแปลงในสาระสําคัญของคําประกาศฉบับนี้บริษัทจะแจ้งการแก้ไขการเปลี่ยนแปลง การปรับปรุง หรือการปรับเปลี่ยน นโยบายให้ท่านทราบ โดยท่านสามารถตรวจสอบคําประกาศนี้ได้ที่ https://tccs.co.th
ㅤㅤㅤㅤ13. ช่องทางการติดต่อ
ㅤㅤㅤㅤหากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาส่วนใดๆในคําประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติของบริษัทเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือต้องการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกรุณาติดต่อบริษัท

รายละเอียดของบริษัทฯ
ที่อยู่1168/5 อาคารลุมพินีทาวเวอร์ ชั้น 3 ถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 ช่องทางการติดต่อ: โทร 02 0267111 เวลาทําการ 9.00 – 17.00 น. อีเมลรับเรื่องสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: อีเมล์ dpo_tccgroup@tccs.co.th

ㅤㅤㅤㅤกลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จํากัด เคารพสิทธิในความเป็นส่วนตัวและมีความรับผิดชอบ ในการเก็บรวบรวม การใช้การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน หรือ ผู้สมัครฝึกงาน (รวมเรียกว่า “ท่าน”) จึงได้จัดทําคําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้นมาเพื่อแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน และ ผู้สมัครฝึกงาน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
1.บทนิยาม
ㅤㅤㅤㅤ1.1 “บริษัท” หมายถึง กลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จํากัด
ㅤㅤㅤㅤ1.2 “ผู้สมัครงาน” หมายถึง ผู้สมัครงานเพื่อเป็นพนักงานประจํา พนักงานตามสัญญา พนักงานที่อยู่ภายใต้การจ้างงานของผู้
ㅤㅤㅤㅤให้บริการจัดหางาน (outsource) และพนักงาน freelance ที่ทํางานให้แก่บริษัทแล้วแต่กรณีไม่ว่าการสมัครงานนั้น จะดําเนินการ
โดยผู้สมัครเองหรือเป็นการรับสมัครงานภายในบริษัทหรือผ่านระบบออนไลน์ของบริษัท (ถ้ามี) หรือผ่านการแนะนําของบุคคลอื่นใด หรือผ่านการดําเนินการของผู้ให้บริการจัดหางาน
ㅤㅤㅤㅤ1.3 “ผู้สมัครฝึกงาน” หมายถึง ผู้สมัครฝึกงาน ที่มาจากสถาบันการศึกษาในประเทศไทย หรือต่างประเทศ หรือที่มาจากความตกลงโครงการแลกเปลี่ยนพนักงานระหว่างบริษัท และบริษัทอื่นในต่างประเทศที่เป็นพันธมิตรของบริษัท โดยผู้สมัครฝึกงานดังกล่าวส่งใบสมัครถึงบริษัทโดยตรง หรือผ่านระบบออนไลน์ของบริษัท (ถ้ามี) หรือผ่านการแนะนําของบุคคลอื่นใด หรือผ่านการดําเนินการตามข้อตกลงใดๆ ที่บริษัททําขึ้นเพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนหรือเสริมสร้างประสบการณ์สําหรับธุรกิจของบริษัท
ㅤㅤㅤㅤ1.4 “กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และกฎหมายลําดับรองที่เกี่ยวข้องและให้หมายรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ ในอนาคต
ㅤㅤㅤㅤ1.5 “คณะกรรมการ” หมายถึง คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ1.6 “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทําให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมแต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ1.7 “ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลตามที่กําหนดไว้ในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 เช่นข้อมูลบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อ ในลัทธิศาสนาหรือ ปรัชญาพฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่ง กระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทํานองเดียวกัน ที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกําหนดรวมไปถึงฉบับปรับปรุงแก้ไขตามที่จะมีการแก้ไขเป็นคราวๆ ในอนาคต
ㅤㅤㅤㅤ1.8 “การประมวลผล” หมายถึง การดําเนินการใดๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าด้วยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม เช่น การเก็บรวบรวม บันทึก การจัดระบบ การจัดเก็บ การปรับเปลี่ยนหรือดัดแปลง การเรียกคืน การปรึกษา การใช้การเปิดเผย (โดยการส่งโอน การเผยแพร่ หรือทําให้สามารถเข้าถึงหรือพร้อมใช้งานโดยวิธีใดๆ) การจัดเรียง การนํามารวมกัน การบล็อกหรือจํากัด การลบหรือทําลาย หรือการแก้ไขซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ว่าจะใช้วิธีการใดๆ

2. ข้อมูลส่วนบุคคลทีบริษัทจะเก็บรวบรวม ่
สําหรับผู้สมัครงาน
ㅤㅤㅤㅤ(ก) ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวบุคคล ประกอบด้วย ชื่อ ที่อยู่ หรือรายละเอียดของสถานที่ติดต่ออื่น อีเมล หมายเลขโทรศัพท์เพศ อายุสัญชาติสถานภาพการสมรส วันเดือนปีเกิด เลขที่หนังสือเดินทาง/บัตรประจําตัวประชาชน นํ้าหนัก ส่วนสูง ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่อยู่ในการดูแลของท่าน และรูปภาพบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ(ข) ข้อมูลเกี่ยวกับคุณวุฒิและประวัติการทํางานของท่าน เช่น ประกาศนียบัตรจากโรงเรียน/มหาวิทยาลัยประวัติการเรียน การทดสอบทางวิชาการหรือภาษา ใบอนุญาตประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ (เช่น ใบอนุญาตผู้สอบบัญชี) หนังสือรับรองใดๆ หนังสืออ้างอิงใดๆ รวมถึงประวัติการทํางานที่ผ่านมาของท่านที่ระบุในข้อมูล ประวัติการทํางาน (CV หรือ Resume) จดหมายสมัครงาน
ㅤㅤㅤㅤ(ค) ข้อมูลที่ได้จากผู้สัมภาษณ์งาน เช่น ตําแหน่งหน้าที่ ทักษะส่วนตัวและทักษะทางวิชาชีพ ประสบการณ์ในอดีต และผลงานที่เกี่ยวข้องกับตําแหน่งที่ท่านสมัคร จุดมุ่งหมายในการทํางาน (career aspiration) และการวางแผนชีวิต ทักษะหรือวิธีในการสื่อสาร นํ้าเสียงการแสดงออก (tone) ความผูกพันต่อองค์กร (engagement) ลักษณะบุคลิกภาพ (personality traits) ความคิดสร้างสรรค์ความกระตือรือร้น การทํางานเป็นทีม การให้ความร่วมมือ ทักษะการเป็นผู้นํา ทักษะการบริหารจัดการ
ㅤㅤㅤㅤ(ง) ข้อมูลอื่นทีท่านให้แก่บริษัทเมื่อถูกร้องขอ เช่น ความคาดหวังเรื่องผลตอบแทน สวัสดิการ เงินเดือน ผลตอบแทนจูงใจระยะสั้น (short term incentive) ผลตอบแทนจูงใจระยะยาว (long term incentive) ค่าตอบแทนแบบอื่น รถและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถ (car allowance) ค่าใช้จ่ายอื่นใด โครงการเงินบํานาญ กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ สวัสดิการการรักษาพยาบาลหรือสุขภาพหรือสวัสดิการอื่นๆ ความประสงค์ในการทํางานที่มีการเดินทาง ความประสงค์ในการทํางานในตําแหน่งอื่นที่ไม่ใช่ตําแหน่งที่สมัคร ความประสงค์ในการย้ายถิ่นฐานที่ทํางาน ไปจังหวัดหรือประเทศอื่นๆ ความพร้อมในการทํางานในวันหยุด หรือทํางานเป็นรายกะ หรือในสถานการณ์ภาวะวิกฤติจําเป็น
ㅤㅤㅤㅤ(จ) ข้อมูลที่ท่านประสงค์จะเปิดเผย เช่น ความสนใจต่างๆ ความสนใจในตําแหน่งงาน บทบาทหน้าที่ วัน เวลา ลักษณะการทํางานของท่านในปัจจุบัน และการทํางานร่วมกับผู้อื่น การพัฒนาตนเองในทักษะต่างๆ
ㅤㅤㅤㅤ(ฉ) ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์งานและเก็บรวบรวมในแบบประเมินผู้สมัครงาน ซึ่งรวมถึง ความสามารถ ทางวิชาชีพหรือเทคนิค ลักษณะบุคลิกภาพ (personality traits) ความมั่นใจ ความสามารถในการเป็นผู้นํา
ㅤㅤㅤㅤ(ช) ข้อมูลทีได้จากการรวบรวมระหว่างการประเมินผล  หรือการทดสอบใดๆ รวมถึงการจําลองสถานการณ์ทางธุรกิจใดๆ
ㅤㅤㅤㅤ(ซ) ข้อมูลส่วนบุคคลทีมีความอ่อนไหว  เช่น เชื้อชาติสัญชาติศาสนาข้อมูลสุขภาพร่างกาย หรือข้อมูลสุขภาพจิต โดยบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวเหล่านี้เท่าที่จําเป็นต่อเมื่อท่านได้ผ่านการ สัมภาษณ์งานแล้ว และให้ความยินยอมต่อบริษัทตามที่กฎหมายกําหนด ทั้งนี้บริษัทจะไม่นําข้อมูลเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางสังคมและความหลากหลายทางเพศ มาประกอบการพิจารณาในการรับสมัครงาน สัมภาษณ์งาน หรือประเมินความพร้อมในการเข้าทํางานของท่าน
ㅤㅤㅤㅤ(ฌ) ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลทีเกี่ยวข้อง หรือข้อมูลจากแหล่งอื่น เช่น ข้อมูลบุคคลอ้างอิงและบุคคลที่ติดต่อได้นายจ้างเดิม สถาบันการศึกษาที่ผู้สมัครงานเคยศึกษา ข้อมูลจากผู้ให้บริการตรวจสอบภูมิหลัง (background check providers)

สําหรับผู้สมัครฝึกงาน
ㅤㅤㅤㅤ(ก) ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวบุคคล ประกอบด้วย ชื่อ ที่อยู่ หรือรายละเอียดของสถานที่ติดต่อ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์เพศ อายุสัญชาติสถานภาพการสมรส วันเดือนปีเกิด เลขที่หนังสือเดินทาง/บัตรประจําตัวประชาชน นํ้าหนัก ส่วนสูง รูปภาพบุคคลข้อมูลเกี่ยวกับบิดามารดา หรือผู้ปกครอง เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์หรือหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่
ㅤㅤㅤㅤ(ข) ข้อมูลเกี่ยวกับคุณวุฒิและประวัติการทํางานของท่าน เช่น ประกาศนียบัตรจากโรงเรียน/มหาวิทยาลัย ประวัติการเรียนการทดสอบทางวิชาการหรือภาษา หนังสือรับรองใดๆ หนังสืออ้างอิงใดๆ จดหมายสมัครฝึกงาน หนังสือส่งตัวเพื่อฝึกงานจากสถาบันการศึกษา
ㅤㅤㅤㅤ(ค) ข้อมูลที่ได้จากผู้สัมภาษณ์เพื่อเข้าฝึกงาน เช่น หน่วยงานที่สนใจเข้าฝึกงาน ทักษะส่วนตัวและทักษะทางวิชาชีพประสบการณ์ที่คาดว่าจะได้จากการเข้าฝึกงาน จุดมุ่งหมายในการฝึกงาน และการวางแผนชีวิต ทักษะ หรือวิธีในการสื่อสารนํ้าเสียงการแสดงออก (tone) ลักษณะบุคลิกภาพ (personality traits) ความคิดสร้างสรรค์ความกระตือรือร้น การทํางานเป็นทีม การให้ความร่วมมือ
ㅤㅤㅤㅤ(ง) ข้อมูลที่ท่านประสงค์จะเปิดเผย เช่น ความสนใจต่างๆ ความสนใจในหน่วยงานที่เข้าฝึกงาน บทบาทหน้าที่วัน เวลาฝึกงานของท่านในปัจจุบัน และความสามารถในการทํางานร่วมกับผู้อื่น การพัฒนาตนเองในทักษะต่างๆ
ㅤㅤㅤㅤ(จ) ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์งานและเก็บรวบรวมในแบบประเมินผู้สมัครฝึกงาน ซึ่งรวมถึง ความสามารถทางวิชาชีพหรือเทคนิค ลักษณะบุคลิกภาพ (personality traits) ความมั่นใจ นิสัย พฤติกรรม ทัศนคติความถนัด ทักษะ ภาวะความเป็นผู้นํา ความสามารถในการทํางานร่วมกับผู้อื่น ความฉลาดทางอารมณ์ความมีวินัย หรือลักษณะอื่น ๆ รวมถึง การบันทึกเวลาเข้าออกงาน และระยะเวลาในการปฏิบัติงาน เพื่อประเมินผลการฝึกงาน ความสามารถพิเศษอื่นๆ
ㅤㅤㅤㅤ(ฉ) ข้อมูลส่วนบุคคลทีมีความอ่อนไหว  เช่น เชื้อ ชาติสัญชาติศาสนา ข้อมูลสุขภาพร่างกาย หรือข้อมูลสุขภาพจิต โดยบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวเหล่านี้เท่าที่จําเป็นต่อเมื่อท่านได้ผ่านการสัมภาษณ์ฝึกงานแล้ว และให้ความยินยอมต่อบริษัทตามที่กฎหมายกําหนด ทั้งนี้บริษัทจะไม่นําข้อมูลเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางสังคมและความหลากหลายทางเพศมาประกอบการพิจารณาในการรับสมัครฝึกงาน สัมภาษณ์ฝึกงาน หรือประเมินความพร้อมในการเข้าฝึกงานของท่าน
ㅤㅤㅤㅤ(ช) ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือข้อมูลจากแหล่งอื่น เช่น ข้อมูลบุคคลอ้างอิงและบุคคลที่ติดต่อได้สถาบันการศึกษาที่ผู้สมัครฝึกงานเคยศึกษาหรือกําลังศึกษาอยู่

3. วิธีการทีบริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยตรงจากใบสมัครงานหรือใบสมัครฝึกงานที่ท่านกรอก หรือใบสมัครงานหรือใบสมัครฝึกงาน ผ่านทางระบบออนไลน์ของบริษัท หรือจากบุคคลหรือนิติบุคคลใดๆ ที่เป็นผู้ให้บริการ งานด้านการสรรหาทรัพยากรบุคคลหรือจากสถาบันการศึกษาใดๆ หรือจากข้อ ที่ได้รับความยินยอมจากท่าน ให้เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบริษัท เพื่อการสมัครงานหรือฝึกงาน และในบางกรณีบริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งอื่น หรือบุคคลอื่น เช่น บุคคลที่สามที่แนะนําท่านให้กับบริษัทบริษัทจัดหางาน พันธมิตรของบริษัทตามข้อตกลงใด ๆ ที่บริษัททําขึ้น เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนหรือเสริมสร้างประสบการณ์สําหรับธุรกิจของบริษัท หรือผู้ให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ต่อเมื่อมีแหล่งที่มาชัดเจนและมีหลักฐานว่าได้รับความยินยอมจากท่านอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วเท่านั้น
ㅤㅤㅤㅤหากท่านไม่ได้ให้ข้อมูลที่จําเป็นต่อการพิจารณาใบสมัครงานหรือใบสมัครฝึกงานของท่านเมื่อบริษัทร้องขอ บริษัทจะไม่สามารถดําเนินกระบวนการพิจารณาใด ๆ เกี่ยวกับใบสมัครของท่านได้เช่น เมื่อบริษัทร้องขอหลักฐานหรือบุคคลอ้างอิงเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ในงานที่ท่านทําอยู่หรือเคยทํา และท่านไม่ได้ให้ข้อมูลดังกล่าวแก่บริษัทอย่างเพียงพอ บริษัทก็จะไม่สามารถพิจารณาใบสมัครงานหรือใบสมัครฝึกงานของท่านได้

4. วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมาย ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤบริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์และภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้

ฐานทางกฎหมาย การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
ฐานสัญญา (Contract) เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น
ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือของหน่วยงานของรัฐที่กำกับดูแลบริษัท เช่น กรมเจ้าท่า กรมศุลกากร และหน่วยงานของรัฐอื่นๆ
ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายต่างๆ ที่บริษัทต้องปฏิบัติตาม
ฐานภารกิจของรัฐ (Public Task) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะภายใต้อำนาจรัฐ
ฐานประโยชน์สำคัญต่อชีวิต (Vital Interest) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
ฐานจดหมายเหตุ/วิจัย/สถิติ (Historical Document, Research or Statistics) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของท่าน
ฐานความยินยอม (Consent) ความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท เมื่อไม่สามารถอาศัยข้อยกเว้นหรืออ้างอิงฐานทางกฎหมายตามกรณีที่ระบุข้างต้น หรือตามกรณีที่ระบุในตารางล่างนี้ ทั้งนี้หากบริษัทขอความยินยอมเป็นการเฉพาะจากท่าน สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งและที่ได้รับความยินยอมจากท่าน และบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดๆที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ในกรณีที่บริษัทสามารถทำได้ตามกฎหมายหรือโดยได้รับ ความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากท่านแล้ว
วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
สำหรับผู้สมัครงาน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือใช้บังคับกับบริษัท เพื่อประมวลผลใบสมัครของท่าน รวมถึงพิจารณาและดำเนินกระบวนการต่าง ๆ ที่จำเป็นในการรับสมัครงาน เช่น การพิจารณาประวัติของท่าน ประเมินทักษะของท่านว่าเหมาะสมกับงานหรือไม่ แจ้งกระบวนการ ที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกผู้สมัครงาน การนัดสัมภาษณ์งาน การสัมภาษณ์งาน การเตรียมเอกสารประกอบการรับสมัครงาน การจัดการเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพ และการดำเนินการอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ฐานสัญญา (Contract)
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว และการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม บริษัทต้องยกระดับความปลอดภัยในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้ 1) ข้อมูลสุขภาพ (ซึ่งรวมถึงข้อมูลกายภาพเกี่ยวกับความพิการ) บริษัทต้องประมวลผลข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของผู้สมัครงาน เพื่อการจัดการให้เหมาะสมกับสุขภาพ หรือสภาพทางกายภาพผู้สมัครงาน เช่น การจัดการอำนวยความสะดวกในการเข้าออกบริเวณอาคาร ของบริษัทเพื่อการสัมภาษณ์งาน หรือเพื่อผู้พิการ เป็นต้น 2) ประวัติอาชญากรรม ก่อนการทำสัญญาจ้างงาน บริษัทจะขอความยินยอมจากผู้สมัครงาน ที่ได้ผ่านการคัดเลือกและสัมภาษณ์ให้เป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับตำแหน่งที่ว่าง โดยบริษัทจะทำการตรวจประวัติอาชญากรรม ของผู้สมัครงานดังกล่าว เพื่อให้ทราบถึงข้อมูลประวัติของผู้สมัครงานว่าได้รับคำพิพากษาให้ต้องโทษใดๆ หรือทำทัณฑ์บน หรือเข้ารับการบำบัดพฤติกรรมใดๆ หรือไม่ 3) ศาสนา บริษัทใช้ข้อมูลเกี่ยวกับศาสนาเพื่อการบริหารจัดการด้านสวัสดิการ เมื่อท่านได้ผ่านการคัดเลือกเป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม เมื่อมีตำแหน่งที่ว่าง ฐานความยินยอม (Consent)
เพื่อประเมินความรู้ความสามารถและคุณสมบัติของท่าน บริษัทอาจใช้โปรแกรมอัตโนมัติเพื่อสรรหาผู้สมัครในเชิงรุก โดยการประเมินโปรไฟล์ ทางอาชีพของผู้สมัคร เทียบกับคุณสมบัติที่ต้องการของงาน ซึ่งจะทำให้ ได้กลุ่มของผู้สมัครก่อนที่จะคัดเลือก หรือเพื่อการคัดกรองผู้สมัคร โดยพิจารณาคำตอบของคำถามประเมินของผู้สมัคร ซึ่งผลที่ตามมาคือ การคัดผู้สมัครที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์การพิจารณาขั้นต้นออกไปก่อน บริษัทอาจสร้างโปรไฟล์เกี่ยวกับท่าน โดยใช้ความรู้ความสามารถ และคุณสมบัติของท่าน ซึ่งสามารถใช้ เพื่อระบุโอกาสด้านงานอาชีพเพิ่มเติมในวันข้างหน้า ซึ่งท่านอาจจะสนใจ ฐานสัญญา (Contract)
การตรวจสอบจากแหล่งอ้างอิง เช่น ตรวจสอบกับสถาบันการศึกษา ฐานความยินยอม (Consent)
เพื่อตอบคำถามของท่านและเพื่อสื่อสารกับท่านเกี่ยวกับใบสมัคร และเพื่อส่งข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์สมัครงานให้กับท่าน รวมถึงแจ้ง การเปลี่ยนเงื่อนไขและนโยบายใดๆที่เกี่ยวข้องกับการสมัครงาน ฐานความยินยอม (Consent)
เพื่อดำเนินการตรวจสอบประวัติที่กฎหมายที่ใช้บังคับอนุญาตให้ทำได้ หากบริษัทเสนอตำแหน่งให้กับท่าน ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการ จัดเก็บ บันทึก สำรอง หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
เพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านบริหารจัดการของบริษัทในการปฏิบัติ ตามกฎหมายหรือคำร้องขอจากหน่วยงานราชการ ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation)
(ฌ) เพื่อนำข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านมอบไม่ว่าจะโดยการกรอกใบสมัครงานเอง หรือการให้ข้อมูลส่วนบุคคลผ่านเว็บไซต์ประกาศรับสมัครงาน หรือวิธีการอื่นใดที่ทำให้บริษัทได้ข้อมูลของท่านมาโดยชอบ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลของท่านเข้าสู่ระบบทรัพยากรบุคคลของบริษัทหรือฐานข้อมูลอาชีพที่บริษัทจัดทำขึ้นโดยบริษัทจะนำไปใช้เพื่อ: 1) โอนข้อมูลในใบสมัครงานและประวัติของท่านให้บุคคลภายใน ที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกผู้สมัครงานของบริษัท 2) จัดการกระบวนการจ้างงานใหม่ 3) พิจารณาโอกาสการทำงานของท่านกับบริษัท และหรือนิติบุคคลอื่นๆ ในเครือของบริษัท นอกเหนือจากตำแหน่งที่ท่านสมัคร ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
เพื่อจัดระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อเข้าออกบริเวณอาคารของบริษัท ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
สำหรับผู้สมัครฝึกงาน เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านในการสมัครฝึกงานกับบริษัท รวมถึงการปฏิบัติตามข้อตกลงการเข้าฝึกงาน การจ่ายค่าตอบแทน การฝึกงาน การได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากการฝึกงาน ฐานสัญญา (Contract)
เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น เช่น การประเมินผลการฝึกงาน การส่งข่าวสารที่เกี่ยวกับตำแหน่งที่สมัครฝึกงาน การจัดทำสัญญาฝึกงาน การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
เพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายกฎระเบียบ และคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมาย ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation)
เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบ ให้แก่บริษัท ฐานภารกิจของรัฐ (Public Task)
เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้ เช่น การยินยอม ให้ส่งข้อมูลการสมัครเข้าฝึกงานของท่านแก่บริษัทอื่นที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน กับบริษัท ฐานความยินยอม (Consent)

ㅤㅤㅤㅤเว้นแต่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับ รวมถึง กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะอนุญาตให้กระทําเป็นอย่างอื่น บริษัทจะแจ้งและขอความยินยอมจากท่าน หากบริษัทประสงค์จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ในคําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้หรือนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องโดยตรง กับคําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนฉบับนี้

5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ข้างต้น บริษัทอาจจําเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอก ดังนี้
ㅤㅤㅤㅤ5.1 ผู้บริหาร พนักงาน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสรรหาบุคลากร
ㅤㅤㅤㅤ5.2 ผู้ตรวจสอบภายใน และผู้ตรวจสอบภายนอก
ㅤㅤㅤㅤ5.3 บุคคลหรือนิติบุคคลใดๆ ที่เป็นผู้ให้บริการงานด้านการสรรหาบุคลากร
ㅤㅤㅤㅤ5.4 ผู้ให้บริการใด ๆ ซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ ายที่สาม หรือตัวแทนผู้ให้บริการใด ๆ ที่จําเป็นในการดําเนินการตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้างต้น เช่น ผู้สรรหาบุคลากร ผู้ให้บริการสนับสนุน และ/หรือดูแลรักษาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ของบริษัท หรือโปรแกรมที่ช่วยในการสรรหาบุคลากร ระบบบัญชีค่าตอบแทน ผลประโยชน์และระบบของฝ่ายทรัพยากรบุคคลอื่นๆ
ㅤㅤㅤㅤ5.5 บุคคลหรือนิติบุคคลที่เคยเป็นนายจ้างของท่าน
ㅤㅤㅤㅤ5.6 บุคคลหรือนิติบุคคลที่ท่านอ้างอิงถึง
ㅤㅤㅤㅤ5.7 หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าพนักงานด้านภาษีกฎเกณฑ์หรือเจ้าพนักงานรัฐใด ๆ หรือผู้รับมอบอํานาจซึ่งมีอํานาจตามที่กฎหมายกําหนด หรือตามที่มีการร้องขอให้เปิดเผยผลประโยชน์ของบริษัทหรือเปิดเผยเพื่อประโยชน์สาธารณะ
ㅤㅤㅤㅤ5.8 บุคคลอื่นใดที่ท่านได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยาย
ㅤㅤㅤㅤ5.9 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บุคคลที่สามที่เป็ นผู้ประมวลผลของบริษัท จะดําเนินการภายใต้มาตรฐานความมั่นคง ปลอดภัยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่สามดังกล่าวใช้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ของตนเอง บริษัทอนุญาตให้บุคคลที่
สามดังกล่าวใช้ข้อมูลเท่าที่จําเป็นอย่างเฉพาะเจาะจงและปฏิบัติตามแนวปฏิบัติของบริษัทเท่านั้น

6. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
ㅤㅤㅤㅤ6.1 บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นในต่างประเทศในกรณีที่จําเป็น เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทําตามสัญญาระหว่างบริษัทบุคคกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่านหรือเพื่อใช้ในการดําเนินการตามคําขอของท่านก่อนเข้าทําสัญญา หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการจําเป็นเพื่อดําเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สําคัญ
ㅤㅤㅤㅤ6.2 บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สําเร็จรูปและรูปแบบ ของการให้บริการแพลตฟอร์มสําเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคล ที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้และจะกําหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้น ต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
ㅤㅤㅤㅤ6.3 ในกรณี ที่มี การส่ งหรือโอนข้อ มูล ส่ วนบุค ค ล ขอ งท่ านไปยังต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้ม ค รอ งข้อมูลส่วนบุคคลและใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อทําให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครอง และท่านสามารถใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามกฎหมาย รวมถึงบริษัทจะกําหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จําเป็นเท่านั้น และดําเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอํานาจโดยมิชอบ

7. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ7.1 สําหรับผู้สมัครงาน
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ7.1.1 สําหรับผู้สมัครงานที่ไม่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นพนักงาน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่
จําเป็นต้องเก็บเพื่อการดําเนินการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านตามที่ระบุ
ข้างต้น ทั้งนี้บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่เกิน 12 เดือน (สิบสองเดือน) นับแต่วันที่ บริษัททําสัญญา
จ้างงานแทนตําแหน่งที่ว่างได้เรียบร้อย
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ7.1.2 สําหรับผู้สมัครงานที่ได้รับการคัดเลือกให้บรรจุตําแหน่งเป็นพนักงาน บริษัทจะทําการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของ
ท่านภายใต้คําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวสําหรับพนักงานต่อไป
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ7.1.3 บริษัทจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดําเนินการลบ หรือทําลายข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อพ้นกําหนดระยะเวลาการเก็บรักษา
หรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจําเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ7.1.4 กรณีที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่าน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
จนกว่าท่านจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอมและบริษัทจะดําเนินการตามคําขอของท่านเสร็จสิ้นแล้วอย่างไรก็ดีบริษัทจะ
ยังเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จําเป็นสําหรับบันทึกเป็นประวัติว่าท่านเคยยกเลิกความยินยอม เพื่อให้บริษัท
สามารถตอบสนองต่อคําขอของท่านในอนาคตได้
ㅤㅤㅤㅤ7.2 สําหรับผู้สมัครฝึกงาน
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ7.2.1 บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่จําเป็นต้องเก็บเพื่อการดําเนินการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่ระบุข้างต้น ทั้งนี้บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่เกิน 12 เดือน (สิบสองเดือน) นับแต่วันที่บริษัทได้รับใบสมัครฝึกงานของท่าน
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ7.2.2 บริษัทจะดําเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสม เพื่อทําการลบหรือทําลาย หรือทําให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่าน (anonymization) ตามระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้น
8. มาตรการความปลอดภัยสําหรับข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ8.1 ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นสิ่งสําคัญสําหรับบริษัทและบริษัทได้นํามาตรฐานความปลอดภัยทางเทคนิคและการบริหารที่เหมาะสม มาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจากการสูญหาย การเข้าถึงการใช้หรือการเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาตการใช้งานในทางที่ผิด การดัดแปลงเปลี่ยนแปลง และการทําลายโดยใช้เทคโนโลยีและขั้นตอนการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการจํากัดการเข้าถึง เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ที่จะเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและบุคคลเหล่านี้ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความสําคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ8.2 บริษัทจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้เปลี่ยนแปลง แก้ไข เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล จากผู้ที่ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าว เมื่อมีความจําเป็น หรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม

9. สิทธิของผู้สมัครงาน และผู้สมัครฝึกงานเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤผู้สมัครงานและผู้สมัครฝึกงานมีสิทธิดําเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้
ㅤㅤㅤㅤ9.1 ถอนความยินยอมที่ผู้สมัครงาน และผู้สมัครฝึกงานได้ให้ไว้กับบริษัทในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน และผู้สมัครฝึกงาน
ㅤㅤㅤㅤ9.2 ขอดูและคัดลอกข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน และผู้สมัครฝึกงาน หรือขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานและผู้สมัครฝึกงาน
ㅤㅤㅤㅤ9.3 ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกําหนดไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
ㅤㅤㅤㅤ9.4 คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับ ผู้สมัครงาน และผู้สมัครฝึกงาน
ㅤㅤㅤㅤ9.5 ลบหรือทําลาย หรือทําให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน และผู้สมัครฝึกงานเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของผู้สมัครงานและผู้สมัครฝึกงานได้(anonymization)
ㅤㅤㅤㅤ9.6 ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน และผู้สมัครฝึกงาน
ㅤㅤㅤㅤ9.7 แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน และผู้สมัครฝึกงานให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
ㅤㅤㅤㅤ9.8 ร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้ง ลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัท หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤทั้งนี้บริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคําร้องขอใช้สิทธิของท่านโดยเร็วภายใน 30 วัน(สามสิบวัน) นับแต่วันที่บริษัทได้รับคําร้องขอดังกล่าว และสิทธิตามที่กล่าวมาข้างต้น เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกําหนด
ㅤㅤㅤㅤผู้สมัครงาน และผู้สมัครฝึกงานสามารถใช้สิทธิตามกฎหมายได้โดย คลิกที่นี่ หรือไป https://tccs.co.th (โดยจะเริ่มใช้สิทธิได้เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล) เท่าที่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับอนุญาตบริษัทอาจมีสิทธิเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผลสําหรับการดําเนินการเกี่ยวกับคําร้องขอใช้สิทธิข้างต้น

10. การใช้คุกกี้
ㅤㅤㅤㅤบริษัทมีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กําหนดไว้ตาม นโยบายการใช้คุกกี้

11. การขอความยินยอมและผลกระทบทีเป็ นไปได้จากการถอนความยินยอม 
ㅤㅤㅤㅤ11.1 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมของท่านที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้เปิดเผยหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
ㅤㅤㅤㅤ11.2 หากท่านถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดําเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้
ㅤㅤㅤㅤ11.3 หากท่านมีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์หรือ ยังไม่บรรลุนิติภาวะโดยการสมรส ก่อนการให้ความยินยอมโปรดแจ้งรายละเอียดผู้ใช้อํานาจปกครองให้บริษัททราบ เพื่อให้บริษัทสามารถดําเนินการขอความยินยอมจากผู้ใช้อํานาจปกครองด้วย

12. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําประกาศฉบับนี้
ㅤㅤㅤㅤคําประกาศฉบับนี้อาจมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปหากเป็ นการเปลี่ยนแปลงในสาระสําคัญของคําประกาศฉบับนี้บริษัทจะแจ้งการแก้ไขการเปลี่ยนแปลง การปรับปรุง หรือการปรับเปลี่ยนนโยบายให้ท่านทราบ โดยท่านสามารถตรวจสอบคําประกาศนี้ได้ที่ https://tccs.co.th

13. ช่องทางการติดต่อ
ㅤㅤㅤㅤหากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาส่วนใด ๆ ในคําประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติของบริษัทเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือต้องการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรุณาติดต่อบริษัท

รายละเอียดของบริษัทฯ

ที่อยู่1168/5 อาคารลุมพินีทาวเวอร์ ชั้น 3 ถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
ช่องทางการติดต่อ: โทร 02 0267111 เวลาทําการ 9.00 –17.00 น.
อีเมลรับเรื่องสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: อีเมล์ dpo_tccgroup@tccs.co.th

ㅤㅤㅤㅤกลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จํากัด เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ถือหุ้น และกรรมการบริษัท (รวมเรียกว่า “ท่าน”) และเพื่อให้
เกิดความมั่นใจว่าท่านได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงได้จัดทําคําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวสําหรับผู้ถือหุ้น และ กรรมการฉบับนี้ขึ้นเพื่อแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง


1. บทนิยาม
ㅤㅤㅤㅤ1.1 “บริษัท” หมายถึง กลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จํากัด
ㅤㅤㅤㅤ1.2 “ผู้ถือหุ้น” หมายถึง ผู้ถือหุ้น กลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จํากัด
ㅤㅤㅤㅤ1.3 “กรรมการบริษัท” หมายถึง คณะกรรมการบริษัท กลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จํากัด
ㅤㅤㅤㅤ1.4 “กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และกฎหมายลําดับ รองที่เกี่ยวข้อง และให้หมายรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ ในอนาคต
ㅤㅤㅤㅤ1.5 “คณะกรรมการ” หมายถึงคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ1.6 “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทําให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ1.7 “ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลตามที่กําหนดไว้ในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล พ.ศ.2562 เช่นข้อมูลบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือ ปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูล ชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่ง กระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทํานองเดียวกันที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ประกาศกําหนด รวมไปถึงฉบับปรับปรุงแก้ไขตามที่จะมีการแก้ไขเป็นคราวๆ ในอนาคต
ㅤㅤㅤㅤ1.8 “การประมวลผล” หมายถึง การดําเนินการใดๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าด้วยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม เช่น การเก็บ รวบรวม บันทึก การจัดระบบ การจัดเก็บ การปรับเปลี่ยนหรือดัดแปลง การเรียกคืน การปรึกษา การใช้ การเปิดเผย (โดยการ ส่ง โอน การเผยแพร่ หรือทําให้สามารถเข้าถึงหรือพร้อมใช้งานโดยวิธีใดๆ) การจัดเรียง การนํามารวมกัน การบล็อกหรือจํากัด การลบหรือทําลาย หรือการแก้ไขซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ว่าจะใช้วิธีการใดๆ


2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะเก็บรวบรวม
ㅤㅤㅤㅤบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่าน ดังต่อไปนี้
ㅤㅤㅤㅤ2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
ㅤㅤㅤㅤกรณีกรรมการ
ㅤㅤㅤㅤ• ในกระบวนการสรรหา บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากบัตรประจําตัวประชาชน หรือเอกสาร ที่ทางราชการ ออกให้ ที่สามารถใช้ในการยืนยันตัวตนได้ เช่น ชื่อนามสกุล เพศ เลขที่บัตรประจําตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลขโทรศัพท์ รูปถ่าย วันเดือนปีเกิด สัญชาติ ที่อยู่ ประวัติการศึกษา และประสบการณ์การทํางาน
ㅤㅤㅤㅤ• สําหรับผู้ดํารงตําแหน่งเป็นกรรมการ บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม เช่น ประเภทค่าตอบแทน การจัด อบรม กิจกรรม สถานภาพสมรส ข้อมูลเกี่ยวกับคู่สมรสหรือผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยา บุตร บิดา มารดา พี่น้อง หมู่ โลหิต จํานวนการถือหลักทรัพย์ของตนเองและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เลขประจําตัวผู้เสียภาษี หมายเลขบัญชีธนาคาร หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล์ อาชีพ การเป็นกรรมการหรือมีตําแหน่งในบริษัท หรือกิจการอื่นๆ ทั้งของตนเองและผู้มีส่วน เกี่ยวข้อง การเข้าประชุมคณะกรรมการบริษัท หรือคณะกรรมการ ชุดย่อย หรือผู้ถือหุ้น ค่าตอบแทนกรรมการ ข้อมูลการ ถือหลักทรัพย์ ผลการปฏิบัติงานของกรรมการ และข้อมูลอื่นตามที่กฎหมายหรือหลักการกํากับดูแลกิจการที่ดีกําหนด
ㅤㅤㅤㅤ• เลขบัญชีธนาคารเพื่อการโอนค่าตอบแทนกรรมการต่างๆ
ㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลของผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรรมการ เช่น ข้อมูลเลขานุการส่วนตัวของกรรมการ (ชื่อ นามสกุลที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล)
ㅤㅤㅤㅤ• บริษัทอาจมีความจําเป็นต้องเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีข้อมูลอ่อนไหว ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกําหนด เช่น ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลการแพ้อาหาร ข้อมูลการแพ้ยา เพื่อ ดําเนินการเกี่ยวกับกิจกรรมที่ท่านเข้าร่วมประชุมหรือกิจกรรมต่างๆ ทั้งนี้ บริษัทจะขอความยินยอม โดยชัดแจ้งจากท่าน เป็นรายกรณีไป และจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอเพื่อปกป้อง คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีข้อมูลอ่อนไหวของท่าน


กรณีผู้ถือหุ้นที่เป็นบุคคลธรรมดา
ㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร อีเมล์ เลขประจําตัวผู้เสียภาษี หมายเลขหนังสือเดินทางหรือเลขที่บัตรประจําตัวประชาชน เพศ อายุ สัญชาติ อาชีพ
ㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลเกี่ยวกับการถือหลักทรัพย์ของบริษัท เช่น จํานวนหุ้นที่ถือครอง การโอนหุ้น การรับโอนหุ้น รวมถึง ผู้รับมรดก ทายาทโดยธรรมตามกฎหมาย หรือผู้แทนโดยชอบธรรมซึ่งได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกกฎหมาย
ㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับมอบฉันทะเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้น เช่น ชื่อ ที่อยู่ บัตรประจําตัวประชาชน หมายเลขโทรศัพท์
ㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีเงินฝาก ซึ่งผู้ถือหุ้นได้แจ้งไว้เพื่อรับเงินปันผล
ㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้สิทธิต่างๆ ในฐานะผู้ถือหุ้นตามกฎหมายในที่ประชุมผู้ถือหุ้น
กรณีผู้ถือหุ้นที่เป็ นนิติบุคคล บริษัทอาจประมวลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้แทนนิติบุคคลดังต่อไปนี้
ㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลของกรรมการที่ปรากฏในหนังสือรับรองบริษัท บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น หรือ เอกสารเกี่ยวกับนิติบุคคลอื่นใดที่มีข้อมูล ส่วนบุคคลของผู้แทนนิติบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลอื่นใดที่บริษัทร้องขอจากผู้แทนนิติบุคคลของท่าน หรือจากท่าน เพื่อใช้ในการเข้าร่วมการประชุมแทนนิติบุคคล หรือการดําเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ตามที่บริษัทได้แจ้งหรือร้องขอไปยังท่าน

ㅤㅤㅤㅤในกรณีที่ท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับบุคคลอื่นแก่บริษัท ท่านรับทราบและรับรองว่าได้แจ้งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลของบริษัท รวมถึงวัตถุประสงค์ของคําประกาศฉบับนี้แก่บุคคลดังกล่าว พร้อมทั้งได้รับความยินยอมจากบุคคลนั้นๆ แล้วในการเปิดเผย ข้อมูลแก่บริษัท
ㅤㅤㅤㅤทั้งนี้บริษัทฯ ไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมหรือใช้ข้อมูลเกี่ยวกับ เชื้อชาติ ศาสนา หมู่โลหิต หรือข้อมูลอื่นใด นอกเหนือไปจากข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ระบุไว้แล้วข้างต้น ถึงแม้ว่าข้อมูลดังกล่าว จะปรากฏอยู่บน บัตรประจําตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารอื่นใดที่ท่านได้สมัครใจเปิดเผยไว้ต่อบริษัท


3. วิธีการที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ㅤㅤㅤㅤบริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยวิธีต่อไปนี้
ㅤㅤㅤㅤㅤ3.1 บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถือหุ้น รวมถึงผู้รับมอบอํานาจหรือผู้รับมอบฉันทะ เมื่อท่านจองซื้อเป็นผู้ถือหุ้น โดย จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง
ㅤㅤㅤㅤㅤ3.2 บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการและผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ โดยจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากท่าน โดยตรง รวมทั้ง จากหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานที่กํากับดูแล
ㅤㅤㅤㅤㅤ3.3 เมื่อท่านติดต่อบริษัทเพื่อขอข้อมูล หรือสอบถามเรื่องใดๆ ต่อบริษัท หรือใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้น หรือกรรมการภายใต้ กฎหมายใดๆ ที่เกี่ยวข้อง
ㅤㅤㅤㅤㅤ3.4 เมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ของบริษัท บริษัทอาจมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม โดยขอความยินยอมจากท่านเป็น กรณีไป
ㅤㅤㅤㅤㅤ3.5 บริษัทอาจมีความจําเป็นต้องเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีข้อมูลอ่อนไหวตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคลกําหนด เช่น ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลการแพ้อาหาร เพื่อดําเนินการเกี่ยวกับ กิจกรรมที่ท่านเข้าร่วมประชุมหรือกิจกรรม ต่างๆ ทั้งนี้ บริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านเป็นรายกรณีไปและจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการจัดให้มี มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอเพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีข้อมูลอ่อนไหวของท่าน


4. วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมาย ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤบริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ และภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้

ฐานทางกฎหมาย การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
ฐานสัญญา (Contract) เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท หรือเพื่อใช้ ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น
ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือของหน่วยงานของรัฐที่กำกับดูแลบริษัท เช่น กรมเจ้าท่า กรมศุลกากร และหน่วยงานของรัฐอื่นๆ
ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายต่างๆ ที่บริษัทต้องปฏิบัติตาม
ฐานภารกิจของรัฐ (Public Task) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะภายใต้อำนาจรัฐ
ฐานประโยชน์สำคัญต่อชีวิต(Vital Interest) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
ฐานจดหมายเหตุ/วิจัย/สถิติ (Historical Document, Research or Statistics) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของท่าน
ฐานความยินยอม (Consent) ความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท เมื่อไม่สามารถอาศัยข้อยกเว้นหรืออ้างอิงฐานทางกฎหมายตามกรณีที่ระบุข้างต้น หรือตามกรณีที่ระบุในตารางล่างนี้ ทั้งนี้หากบริษัทขอความยินยอมเป็นการเฉพาะจากท่าน สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งและที่ได้รับความยินยอมจากท่าน และบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ในกรณีที่บริษัทสามารถทำได้ตามกฎหมายหรือโดยได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากท่านแล้ว
วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การบริหารจัดการบริษัท (เช่น การเริ่มก่อตั้ง การเพิ่มทุน ลดทุน การปรับโครงสร้างกิจการ การเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียน) การประชุมผู้ถือหุ้น การสรรหาและเป็นกรรมการบริษัท การประชุมคณะกรรมการบริษัท การจัดการเกี่ยวกับสิทธิ และหน้าที่ของผู้ถือหุ้นหรือ การจ่ายเงินปันผล การจัดทำบัญชีและรายงานการตรวจสอบเอกสารตามกฎหมาย การจัดส่งเอกสารหรือหนังสือต่างๆ รวมถึงหน้าที่ตามกฎหมายต่างๆของการเป็น บริษัทจำกัด ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation)
เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลอื่น เช่น การบริหารจัดการบริษัท การบันทึกภาพหรือเสียงการประชุม การรักษาความปลอดภัย การจัดกิจกรรม หรือการส่งข่าวสารหรือข้อเสนอใดๆ เพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้น หรือกรรมการ รวมถึงเพื่อใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สิน และดูแลความสงบเรียบร้อย การรักษาความปลอดภัย ในชีวิตร่างกายของบุคคลและทรัพย์สินของบริษัท ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
เพื่อจัดทำประกันภัยความรับผิดสำหรับกรรมการและผู้บริหาร (D&O) ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)

ㅤㅤㅤㅤเว้นแต่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับ รวมถึง กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะอนุญาตให้กระทําเป็นอย่างอื่น บริษัทจะแจ้งและขอความยินยอมจากท่าน หากบริษัทประสงค์จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ในคํา ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวสําหรับท่านฉบับนี้ หรือนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับคําประกาศเกี่ยวกับความเป็น ส่วนตัวฉบับนี้

ㅤㅤㅤ5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤในการดําเนินการตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ข้างต้น บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ให้แก่บุคคลต่าง ๆ ตามที่ระบุด้านล่างนี้ โดยบริษัทจะดําเนินการใดๆ ที่จําเป็นเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ5.1 บุคคลและนิติบุคคลอื่น (“บุคคลอื่น”) เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ใน คําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวนี้ เช่น หน่วยงานรัฐ (กระทรวงพาณิชย์, ศาลหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินคดี, กรมเจ้าท่า, กรมสรรพากร) ผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ให้บริการด้านการจัดการประชุม, สถาบันการเงิน, พันธมิตรและคู่ค้า, ที่ปรึกษา, ผู้ให้บริการทางวิชาชีพ และบุคคลอื่นที่จําเป็นเพื่อให้สามารถดําเนินการตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในค ําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวนี้
ㅤㅤㅤㅤ5.2 บุคคลอื่นใดที่ท่านได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยาย การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บุคคลที่สามที่เป็นผู้ ประมวลผลข้อมูลของบริษัท จะดําเนินการภายใต้มาตรฐานความมั่นคงปลอดภัย การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่าง เหมาะสม เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท บริษัทจะไม่อนุญาตให้ บุคคลที่สามดังกล่าวใช้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ของตนเอง บริษัทอนุญาตให้บุคคลที่สามดังกล่าวใช้ข้อมูลเท่าที่จําเป็นอย่าง เฉพาะเจาะจงและปฏิบัติตามแนวปฏิบัติของบริษัทเท่านั้น

6. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
ㅤㅤㅤㅤ6.1 บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นในต่างประเทศในกรณีที่จําเป็นเพื่อการ ปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทําตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อ ประโยชน์ของท่าน หรือเพื่อใช้ในการดําเนินการตามคําขอของท่านก่อนเข้าทําสัญญา หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อ ชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการจําเป็นเพื่อดําเนินภารกิจเพื่อประโยชน์ สาธารณะที่สําคัญ
ㅤㅤㅤㅤ6.2 บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ หรือ คลาวด์ ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอป พลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สําเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสําเร็จรูป ใน การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกําหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้น จะต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
ㅤㅤㅤㅤ6.3 ในกรณีที่มีการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อทําให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน จะได้รับการคุ้มครองและท่านสามารถใช้สิทธิที่ เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามกฎหมาย รวมถึงบริษัทจะกําหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของ ท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จําเป็นเท่านั้น และดําเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่น ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจาก อํานาจโดยมิชอบ

7. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ7.1 บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาที่จําเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามประเภทข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละ ประเภท เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษา ข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)
ㅤㅤㅤㅤ7.2 กรณีกล้อง CCTV บริษัทจะเก็บข้อมูล
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤ• ในสถานการณ์ปกติ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกเก็บไว้นานถึง 30 วัน
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤ• บริษัทจะดําเนินการลบข้อมูลดังกล่าวอย่างปลอดภัยเมื่อเสร็จสิ้นวัตถุประสงค์นั้นๆแล้ว
ㅤㅤㅤㅤ7.3 บริษัทจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดําเนินการลบหรือทําลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกําหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือ ที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจําเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
ㅤㅤㅤㅤ7.4 กรณีที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่าน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่า ท่านจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอมและบริษัทจะดําเนินการตามคําขอของท่านเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ดี บริษัทจะยังเก็บข้อมูล ส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จําเป็นสําหรับบันทึกเป็นประวัติว่าท่านเคยยกเลิก ความยินยอม เพื่อให้บริษัทสามารถตอบสนองต่อ คําขอของท่านในอนาคตได้

8. มาตรการความปลอดภัยสําหรับข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ8.1 ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นสิ่งสําคัญสําหรับบริษัทและบริษัทได้นํามาตรฐานความปลอดภัยทางเทคนิค และการบริหารที่เหมาะสมมาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจากการสูญหาย การเข้าถึงการใช้ หรือการเปิดเผยโดยไม่ได้รับ อนุญาต การใช้งานในทางที่ผิด การดัดแปลง เปลี่ยนแปลง และการทําลาย โดยใช้เทคโนโลยีและขั้นตอนการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการจํากัดการเข้าถึง เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่านและบุคคลเหล่านี้ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความสําคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ8.2 บริษัทจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข เปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลจากผู้ที่ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าวเมื่อมี ความจําเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม

9. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤท่านมีสิทธิดําเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้
ㅤㅤㅤㅤ9.1 ถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤ9.2 ขอดูและคัดลอกข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤ9.3 ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกําหนดไปยังผู้ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
ㅤㅤㅤㅤ9.4 คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน
ㅤㅤㅤㅤ9.5 ลบหรือทําลาย หรือทําให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ (anonymization)
ㅤㅤㅤㅤ9.6 ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤ9.7 แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
ㅤㅤㅤㅤ9.8 ร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้ง ลูกจ้างหรือผู้ รับจ้างของบริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤทั้งนี้บริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคําร้องขอใช้สิทธิของท่านโดยเร็วภายใน 30 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับคําร้องขอ
ดังกล่าว และสิทธิตามที่กล่าวมาข้างต้น เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกําหนด ลูกค้าสามารถใช้สิทธิตามกฎหมายได้โดย คลิกที่นี่ หรือไปที่ https://tccs.co.th (โดยจะเริ่มใช้สิทธิได้เมื่อ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับผู้ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคล) เท่าที่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับอนุญาต บริษัทอาจมีสิทธิเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผลสําหรับการ ดําเนินการเกี่ยวกับคําร้องขอใช้สิทธิข้างต้น

10. การใช้คุกกี้
ㅤㅤㅤㅤบริษัทมีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กําหนดไว้ตาม นโยบายการใช้คุกกี้

11. การขอความยินยอมและผลกระทบที่เป็นไปได้จากการถอนความยินยอม
ㅤㅤㅤㅤ11.1 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความ ยินยอมของท่าน ที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
ㅤㅤㅤㅤ11.2 หากท่านถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดําเนินการเพื่อ บรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้
ㅤㅤㅤㅤ11.3 หากท่านมีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือ ยังไม่บรรลุนิติภาวะโดยการสมรส ก่อนการให้ความยินยอมโปรดแจ้งรายละเอียด ผู้ใช้อํานาจปกครองให้บริษัททราบ เพื่อให้บริษัทสามารถดําเนินการขอความยินยอมจากผู้ใช้อํานาจปกครองด้วย

12. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําประกาศฉบับนี้
ㅤㅤㅤㅤคําประกาศฉบับนี้อาจมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป หากเป็นการ เปลี่ยนแปลงในสาระสําคัญของคําประกาศฉบับนี้บริษัทจะแจ้งการแก้ไขการเปลี่ยนแปลง การปรับปรุง หรือการปรับเปลี่ยนนโยบายให้ท่าน ทราบ โดยท่านสามารถตรวจสอบคําประกาศนี้ได้ที่ https://tccs.co.th

13. ช่องทางการติดต่อ
ㅤㅤㅤㅤหากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาส่วนใด ๆ ในคําประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติของบริษัทเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือต้องการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรุณาติดต่อ บริษัท

 

รายละเอียดของบริษัทฯ

ที่อยู่1168/5 อาคารลุมพินีทาวเวอร์ ชั้น 3 ถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
ช่องทางการติดต่อ: โทร 02 0267111 เวลาทําการ 9.00 –17.00 น.
อีเมลรับเรื่องสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: อีเมล์ dpo_tccgroup@tccs.co.th

ㅤㅤㅤㅤกลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จํากัด เคารพสิทธิในความเป็นส่วนตัวและมีความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย
ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าร่วมกิจกรรม หรือผู้เข้ามาติดต่อ (รวมเรียกว่า “ท่าน) จึงได้จัดทําคําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้นมา เพื่อแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และกฎหมายอื่นที่ เกี่ยวข้อง
1. บทนิยาม
ㅤㅤㅤㅤ1.1 “บริษัท” หมายถึง กลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จํากัด
ㅤㅤㅤㅤ1.2 “ผู้เข้าร่วมกิจกรรม” หมายถึง ผู้เข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ที่กลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จํากัด เป็นผู้จัดกิจกรรมขึ้น หรือเข้าร่วมกับผู้จัด กิจกรรมอื่น
ㅤㅤㅤㅤ1.3 “ผู้เข้ามาติดต่อ” หมายถึง บุคคลใดๆ ที่เข้ามาติดต่อ กลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จํากัด
ㅤㅤㅤㅤ1.4 “กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และกฎหมายลําดับรองที่ เกี่ยวข้อง และให้หมายรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ ในอนาคต
ㅤㅤㅤㅤ1.5 “คณะกรรมการ” หมายถึงคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ1.6 “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทําให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมแต่ไม่ รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ1.7 “ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลตามที่กําหนดไว้ในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 เช่นข้อมูลบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อ ในลัทธิ ศาสนาหรือ ปรัชญา พฤติกรรม ทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่ง กระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทํานองเดียวกันที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกําหนด รวมไปถึงฉบับ ปรับปรุงแก้ไขตามที่จะมีการแก้ไขเป็นคราวๆ ในอนาคต
ㅤㅤㅤㅤ1.8 “การประมวลผล” หมายถึง การดําเนินการใดๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าด้วยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม เช่น การเก็บรวบรวม บันทึก การจัดระบบ การจัดเก็บ การปรับเปลี่ยนหรือดัดแปลง การเรียกคืน การปรึกษา การใช้ การเปิดเผย (โดยการส่ง โอน การ เผยแพร่ หรือทําให้สามารถเข้าถึงหรือพร้อมใช้งานโดยวิธีใดๆ) การจัดเรียง การนํามารวมกัน การบล็อกหรือจํากัด การลบหรือ ทําลาย หรือการแก้ไขซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ว่าจะใช้วิธีการใดๆ


2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะเก็บรวบรวม
ㅤㅤㅤㅤบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่าน ดังต่อไปนี้
ㅤㅤㅤㅤ2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
ㅤㅤㅤㅤㅤ2.1.1 เมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ ของบริษัท เช่น กิจกรรมเพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์องค์กร กิจกรรมเพื่อสังคมและ สิ่งแวดล้อม กิจกรรมส่งเสริมการขาย เป็นต้น ไม่ว่ากิจกรรมดังกล่าวจะจัดโดยบริษัท หรือบุคคลที่บริษัทว่าจ้าง หรือเป็น กิจกรรมที่บริษัทมีส่วนร่วมในการจัด บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท หรือเข้ามาใน บริเวณพื้นที่ของบริษัท ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม เช่น
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลสําหรับการลงทะเบียน การเข้าร่วมกิจกรรม และการสัมภาษณ์ เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด เพศ เพศ สภาพ หมู่โลหิต ข้อมูลสุขภาพ คําถามสุขภาพ สถานภาพครอบครัว จํานวนบุตร ระดับการศึกษา อาชีพ ที่อยู่ ลักษณะงานที่ทํา ลักษณะธุรกิจ หน่วยงาน ตําแหน่งงาน ภาพถ่าย/ภาพเคลื่อนไหวส่วนบุคคล ข้อมูลทางการเงิน (เงินเดือน รายได้ รายจ่าย) เบอร์ติดต่อ อีเมล แชทออนไลน์ โซเชียลมีเดีย ข้อมูลบัตรประชาชน/ใบขับขี่/หนังสือเดินทาง ข้อมูลชีวประวัติ งานอดิเรก
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ• ภาพและเสียง ทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว รวมถึงการถ่ายทอดสดผ่านแอพพลิเคชันออนไลน์ และโทรทัศน์(บันทึก รูปถ่าย และวีดิโอในการสัมมนา/แถลงข่าว หรือกิจกรรมอื่นใด ในสถานที่จัดกิจกรรมของบริษัท)
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ• กิจกรรมหรือเหตุการณ์ที่ท่านเคยเข้าร่วมในอดีตหรือที่เคยลงทะเบียนไว้
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลของผู้รับรางวัลจากบริษัท เพื่อดําเนินการด้านภาษีที่เกี่ยวข้อง
ㅤㅤㅤㅤㅤ2.2.2 เมื่อท่านเป็นบุคคลทั่วไป ที่เข้ามาบริเวณพื้นที่ของบริษัท บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดย
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ• เมื่อท่านเข้าในบริเวณพื้นที่ของบริษัท มีการเก็บภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (“กล้อง CCTV”) ของบริษัท ทั้งนี้บริษัท ไม่ได้เก็บข้อมูลเสียงผ่านทางกล้อง CCTV อย่างไรก็ดี บริษัทจะติดป้ายให้ทราบว่ามีการใช้กล้อง CCTV ในบริเวณพื้นที่ ของบริษัท
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ• บันทึกของผู้มาติดต่อ (visitor records)
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤ1) ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม เช่น ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ข้อมูลตามบัตรประจําประชาชน หรือ หลักฐานอื่นทํานองเดียวกัน
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤ2) เมื่อท่านต้องการเข้ามาภายในบริเวณของบริษัทด้วยยานพาหนะ บริษัทจะเก็บหมายเลขทะเบียนยานพาหนะ
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ• เมื่อท่านใช้บริการ Wi-Fi ของบริษัท ท่านต้องทําการลงทะเบียน โดยข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม เพื่อ ดําเนินการให้บริการ Wi-Fi แก่ท่าน เช่น ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ข้อมูลตามบัตรประชาชน
ㅤㅤㅤㅤ2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤบริษัทอาจมีความจําเป็นต้องเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคลกําหนด เพื่อใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทแจ้งไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ• ข้อมูลสุขภาพ เช่น ข้อมูลการแพ้อาหาร โรคประจําตัว เพื่อใช้ในการดําเนินกิจกรรมต่างๆ
ในกรณีที่จําเป็น บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่าน โดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือ เพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่กฎหมายกําหนดไว้เท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุด ในการจัดให้มีมาตรการรักษาความ ปลอดภัยที่เพียงพอเพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่าน
3. วิธีการที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤบริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยวิธีต่อไปนี้
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ• เมื่อท่านส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัท เพื่อเข้าร่วมในกิจกรรมทางการตลาด การประกวด การจับฉลากชิงโชค งานอีเว้นท์หรือ การแข่งขันต่างๆ ที่จัดขึ้นโดยหรือในนามของบริษัท และ/หรือบุคลากรและคู่ค้าของบริษัท
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ• เมื่อบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลภายนอกเกี่ยวกับท่าน ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียง การได้รับข้อมูลจากการตรวจสอบ จากแหล่งข้อมูลที่เป็นสาธารณะ แหล่งข้อมูลส่วนตัว หรือแหล่งข้อมูลเชิงพาณิชย์ เว็บไซต์ แหล่งข้อมูลสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ ให้บริการข้อมูล (data providers) แหล่งข้อมูล สมาคมหรือสมาพันธ์ของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ ที่ท่านซื้อ หรือบริการที่ ท่านใช้ ใบเสนอราคาสําหรับผลิตภัณฑ์ที่ท่านซื้อหรือบริการที่ท่านใช้ การร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และ/หรือ ผลิตภัณฑ์และ บริการของบริษัทที่ซื้อ หรือใช้โดยลูกค้า กล่าวคือ “แหล่งข้อมูลที่เป็นบุคคลภายนอก”
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ• เมื่อบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลภายนอกเกี่ยวกับท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมาย และเพื่อ วัตถุประสงค์เกี่ยวกับการกํากับดูแลในประการอื่นๆ ตลอดจนเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ที่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น บริษัทอาจได้รับ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกรมศุลกากร และ/หรือกรมเจ้าท่า
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ• เมื่อท่านเข้ามาในบริเวณพื้นที่ของบริษัท บริษัทอาจเก็บภาพของท่านโดยใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้เก็บข้อมูล เสียงผ่านทางกล้องโทรทัศน์วงจรปิด โดยบริษัทจะติดป้ายแจ้งให้ท่านทราบว่ามีการใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิดในบริเวณพื้นที่ของ บริษัท ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคล


4. วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมาย ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤบริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ และภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้

ฐานทางกฎหมาย การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
ฐานสัญญา (Contract) เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น
ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือของหน่วยงานของรัฐที่กำกับดูแลบริษัท เช่น กรมเจ้าท่า กรมศุลกากร และหน่วยงานของรัฐอื่นๆ
ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายต่างๆ ที่บริษัทต้องปฏิบัติตาม
ฐานภารกิจของรัฐ (Public Task) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะภายใต้อำนาจรัฐ
ฐานประโยชน์สำคัญต่อชีวิต(Vital Interest) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
ฐานจดหมายเหตุ/วิจัย/สถิติ(Historical Document, Research or Statistics) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของท่าน
ฐานความยินยอม (Consent) ความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท เมื่อไม่สามารถอาศัยข้อยกเว้นหรืออ้างอิงฐานทางกฎหมายตามกรณีที่ระบุข้างต้น หรือตามกรณีที่ระบุในตารางล่างนี้ ทั้งนี้ หากบริษัทขอความยินยอมเป็นการเฉพาะจากท่าน สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งและที่ได้รับความยินยอมจากท่าน และบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ในกรณีที่บริษัทสามารถทำได้ตามกฎหมายหรือโดยได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากท่านแล้ว
วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญาหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท เช่น เมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท หรือเมื่อท่านเข้ามาติดต่อบริษัทเพื่อให้ดำเนินการใด ๆ ฐานสัญญา (Contract)
เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรของบริษัท ฐานความยินยอม (Consent)
เพื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์กิจกรรมและผลิตภัณฑ์ของบริษัท ฐานความยินยอม (Consent)
เพื่อประชาสัมพันธ์ช่องทางการติดต่อเพื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท ฐานความยินยอม (Consent)
เพื่อสอบถามข้อมูลและนำมาประมวลเพื่อการจัดกิจกรรมของบริษัท ฐานความยินยอม (Consent)
(ฉ) เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น เช่น (1) เพื่อให้บริษัทบริหารจัดการ การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนาและปรับปรุง ผลิตภัณฑ์ และการให้บริการตรงกับความต้องการของท่าน เพื่อทราบถึง กลุ่มเป้าหมาย (2) เพื่อวัตถุประสงค์ในการควบคุมการเข้าถึงอาคาร บริเวณภายในอาคาร และ อินเตอร์เน็ต เพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย การป้องกัน และการตรวจจับอาชญากรรม เป็นหลักฐานในการสืบสวนสอบสวนทั้งกรณี มาตรการภายในบริษัท และการดำเนินการของหน่วยงานรัฐหรือองค์กรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมโรคติดต่อ ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายกฎระเบียบ และคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมาย ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation)
เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้ ฐานภารกิจของรัฐ (Public Task)

ㅤㅤㅤㅤเว้นแต่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับ รวมถึง กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะอนุญาตให้กระทําเป็นอย่างอื่น บริษัท
จะแจ้งและขอความยินยอมจากท่าน หากบริษัทประสงค์จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ในคํา ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวสําหรับท่านฉบับนี้หรือนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับคําประกาศเกี่ยวกับความเป็น ส่วนตัวฉบับนี้

5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤในการดําเนินการตามวัตถุประสงค์ต่างๆข้างต้น บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ให้แก่บุคคลต่าง ๆ ตามที่ระบุด้านล่างนี้ โดยบริษัทจะดําเนินการใดๆ ที่จําเป็นเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ5.1 บริษัทเปิดเผยและแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤ(1) บุคคลและนิติบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท (“บุคคลอื่น”) เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในคําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวนี้ เช่น ผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้อง (เช่นผู้ ให้บริการกล้อง CCTV ผู้จัดงานและจัดกิจกรรมต่าง ๆ ผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยี (เช่น ระบบคลาวด์ ระบบบล็อคเชน บริการส่ง SMS บริการ data analytics) ผู้ให้บริการจัดทําโปรแกรมและระบบไอทีต่าง ๆ ผู้ตรวจสอบ หน่วยงานของรัฐ และ บุคคลอื่นที่จําเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถดําเนินการต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูล ส่วนบุคคล ตามที่ระบุไว้ในคําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวนี้
ㅤㅤㅤㅤ(2) สื่อมวลชน หรือหน่วยงาน/ผู้ให้บริการจัดทําสื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์ คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท
ㅤㅤㅤㅤ5.2 บริษัทจะกําหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่ จําเป็นเท่านั้น และดําเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอํานาจโดยมิชอบ
6. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
ㅤㅤㅤㅤ6.1 บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นในต่างประเทศในกรณีที่จําเป็น เพื่อการปฏิบัติตาม สัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทําตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่าน หรือ เพื่อใช้ในการดําเนินการตามคําขอของท่านก่อนเข้าทําสัญญา หรือเพื่อป้องกัน หรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของ ท่านหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการจําเป็น เพื่อดําเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สําคัญ
ㅤㅤㅤㅤ6.2 บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ หรือ คลาวด์ ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเค ชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สําเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสําเร็จรูปในการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะ กําหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
ㅤㅤㅤㅤ6.3 ในกรณีที่มีการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและ ใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อทําให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครอง และท่านสามารถใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามกฎหมาย รวมถึงบริษัทจะกําหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่าง เหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จําเป็นเท่านั้น และดําเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอํานาจโดยมิชอบ

7. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ7.1 บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาที่จําเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามประเภทข้อมูลส่วนบุคคล แต่ละประเภท เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลา การเก็บรักษาข้อมูลส่วน บุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐาน ของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความ ตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)
ㅤㅤㅤㅤ7.2 กรณีกล้อง CCTV บริษัทจะเก็บข้อมูล
ㅤㅤㅤㅤ• ในสถานการณ์ปกติ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกเก็บไว้นานถึง 30 วัน
ㅤㅤㅤㅤ• บริษัทจะดําเนินการลบข้อมูลดังกล่าวอย่างปลอดภัยเมื่อเสร็จสิ้นวัตถุประสงค์นั้นๆแล้ว
ㅤㅤㅤㅤ7.3 บริษัทจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดําเนินการลบหรือทําลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกําหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่ เกี่ยวข้องหรือเกินความจําเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
ㅤㅤㅤㅤ7.4 กรณีที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่าน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าท่าน จะแจ้งขอยกเลิกความยินยอมและบริษัทจะดําเนินการตามคําขอของท่านเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ดีบริษัทจะยังเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จําเป็นสําหรับบันทึกเป็นประวัติว่าท่านเคยยกเลิกความยินยอม เพื่อให้บริษัทสามารถตอบสนองต่อคําขอของท่านในอนาคตได้

8. มาตรการความปลอดภัยสําหรับข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ8.1 ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นสิ่งสําคัญสําหรับบริษัทและบริษัทได้นํามาตรฐานความปลอดภัย ทางเทคนิคและการบริหารที่เหมาะสมมาใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจากการสูญหาย การเข้าถึงการใช้ หรือการเปิดเผยโดย ไม่ได้รับอนุญาต การใช้งานในทางที่ผิด การดัดแปลง เปลี่ยนแปลง และการทําลายโดยใช้เทคโนโลยีและขั้นตอนการรักษาความ ปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการจํากัดการเข้าถึง เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ที่เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และบุคคลเหล่านี้ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความสําคัญของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ8.2 บริษัทจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข เปิดเผยข้อมูลส่วน บุคคลจากผู้ที่ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และจะจัดให้มีการทบทวน มาตรการดังกล่าว เมื่อมีความ จําเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม

9. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิดําเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้
ㅤㅤㅤㅤ9.1 ถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤ9.2 ขอดูและคัดลอกข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤ9.3 ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกําหนด ไปยังผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคลอื่น
ㅤㅤㅤㅤ9.4 คัดค้านการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน
ㅤㅤㅤㅤ9.5 ลบ หรือทําลาย หรือทําให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ (anonymization)
ㅤㅤㅤㅤ9.6 ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤ9.7 แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
ㅤㅤㅤㅤ9.8 ร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้ง ลูกจ้างหรือผู้รับจ้าง ของบริษัท หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤทั้งนี้บริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคําร้องขอใช้สิทธิของท่านโดยเร็วภายใน 30 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับคําร้องขอ
ดังกล่าว และสิทธิตามที่กล่าวมาข้างต้น เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกําหนด ลูกค้าสามารถใช้สิทธิตามกฎหมายได้โดย คลิกที่นี่ หรือไปที่ https://tccs.co.th (โดยจะเริ่มใช้สิทธิได้เมื่อ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับผู้ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคล) เท่าที่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับอนุญาต บริษัทอาจมีสิทธิเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผลสําหรับการ ดําเนินการเกี่ยวกับคําร้องขอใช้สิทธิข้างต้น

10. การใช้คุกกี้
บริษัทมีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กําหนดไว้ตาม นโยบายการใช้คุกกี้

11. การขอความยินยอมและผลกระทบที่เป็นไปได้จากการถอนความยินยอม
ㅤㅤㅤㅤ11.1 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความ ยินยอมของท่านที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
ㅤㅤㅤㅤ11.2 หากท่านถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัท หรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดําเนินการเพื่อ บรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้
ㅤㅤㅤㅤ11.3 หากท่านมีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือ ยังไม่บรรลุนิติภาวะโดยการสมรส ก่อนการให้ความยินยอม โปรดแจ้งรายละเอียด ผู้ใช้อํานาจปกครองให้บริษัททราบ เพื่อให้บริษัทสามารถดําเนินการขอความยินยอมจากผู้ใช้อํานาจปกครองด้วย

12. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําประกาศฉบับนี้
ㅤㅤㅤㅤคําประกาศฉบับนี้อาจมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปหากเป็นการ เปลี่ยนแปลงในสาระสําคัญของคําประกาศฉบับนี้บริษัทจะแจ้งการแก้ไขการเปลี่ยนแปลง การปรับปรุง หรือการปรับเปลี่ยนนโยบายให้ท่าน ทราบ โดยท่านสามารถตรวจสอบคําประกาศนี้ได้ที่ https://tccs.co.th

13. ช่องทางการติดต่อ
ㅤㅤㅤㅤหากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาส่วนใด ๆ ในคําประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
แนวทางปฏิบัติของบริษัทเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือต้องการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรุณาติดต่อ บริษัท

 

รายละเอียดของบริษัทฯ

ที่อยู่1168/5 อาคารลุมพินีทาวเวอร์ ชั้น 3 ถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
ช่องทางการติดต่อ: โทร 02 0267111 เวลาทําการ 9.00 –17.00 น.
อีเมลรับเรื่องสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: อีเมล์ dpo_tccgroup@tccs.co.th

ㅤㅤㅤㅤกลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จํากัด เคารพสิทธิในความเป็นส่วนตัวและมีความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวม การใช้การเปิดเผย
ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานและผู้ฝึกงาน (รวมเรียกว่า “ท่าน) จึงได้จัดทําคําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้นมาเพื่อแจ้ง รายละเอียดเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานและผู้ฝึกงาน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
1. บทนิยาม
ㅤㅤㅤㅤ1.1 “บริษัท” หมายถึง กลุ่มบริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ จํากัด
ㅤㅤㅤㅤ1.2 “พนักงาน” หมายถึง บุคคลที่บริษัทรับเข้าทํางานและได้รับค่าจ้าง สวัสดิการ หรือค่าตอบแทนอื่นไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร จากบริษัทฯ เพื่อตอบแทนการทํางานให้ ภายใต้สัญญาจ้างแรงงาน ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า “ท่าน”
ㅤㅤㅤㅤ1.3 “ผู้ฝึกงาน” หมายถึง ผู้ที่เข้ารับการฝึกหัดงานกับบริษัท เพื่อให้มีความรู้ในงานต่างๆ โดยไม่ได้รับค่าจ้างหรือค่าตอบแทนใดๆ จากบริษัท ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า “ท่าน”
ㅤㅤㅤㅤ1.4 “กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และกฎหมายลําดับ รองที่เกี่ยวข้อง และให้หมายรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ ในอนาคต
ㅤㅤㅤㅤ1.5 “คณะกรรมการ” หมายถึง คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ1.6 “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทําให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมแต่ ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ1.7 “ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลตามที่กําหนดไว้ในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคล พ.ศ.2562 เช่นข้อมูลบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือ ปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือ ข้อมูลอื่นใดซึ่ง กระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทํานองเดียวกัน ที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศ กําหนด รวมไปถึงฉบับปรับปรุงแก้ไขตามที่จะมีการแก้ไขเป็นคราวๆ ในอนาคต
ㅤㅤㅤㅤ1.8 “การประมวลผล” หมายถึง การดําเนินการใดๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าด้วยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม เช่น การเก็บ รวบรวม บันทึก การจัดระบบ การจัดเก็บ การปรับเปลี่ยนหรือดัดแปลง การเรียกคืน การปรึกษา การใช้ การเปิดเผย (โดยการ ส่ง โอน การเผยแพร่ หรือทําให้สามารถเข้าถึงหรือพร้อมใช้งานโดยวิธีใดๆ) การจัดเรียง การนํามารวมกัน การบล็อกหรือจํากัด การลบหรือทําลาย หรือการแก้ไขซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดๆ

2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะเก็บรวบรวม
ㅤㅤㅤㅤ2.1 ในกรณีที่ท่านเป็นผู้สมัครงานโดยตรงมายังบริษัทหรือผ่านบุคคลภายนอก เพื่อให้บริษัทพิจารณารับเข้าเป็นพนักงาน บริษัท จะเก็บรวบรวม ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อนํามาประมวลผลอัน ได้แก่
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ2.1.1 ข้อมูลตามที่กําหนดไว้ในใบสมัคร
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤ(ก) ข้อมูลตามเอกสารที่ท่านส่งมอบให้แก่บริษัท เช่น Resume, Curriculum Vitae (CV) จดหมายสมัครงาน ใบ สมัครงาน รายละเอียดของบุคคลที่อ้างถึง ความเห็นประกอบการสรรหาพนักงาน
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤ(ข) ข้อมูลเกี่ยวกับตัวของท่าน เช่น ชื่อ นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด นํ้าหนัก ส่วนสูง เลขที่บัตรประจําตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง กรุ๊ปเลือด สัญชาติ ศาสนา สถานะภาพสมรส รายละเอียดของผู้ที่บริษัทสามารถติดต่อได้ ในกรณีฉุกเฉิน
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤ(ค) ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา ความสามารถ และการพัฒนาศักยภาพ และคุณสมบัติอื่นๆ ของท่าน เช่น ระดับ การศึกษา วุฒิการศึกษา สถาบัน/มหาวิทยาลัย ประวัติการศึกษา ประวัติการฝึกอบรม ผลการศึกษา ผลการ ทดสอบ ภาระทางการทหาร ความสามารถในการขับขี่ยานพาหนะ สิทธิในการทํางานอย่างถูกต้องตาม กฎหมายคุณสมบัติด้านวิชาชีพ ความสามารถทางด้านภาษา และความสามารถอื่นๆ ข้อมูลจากการอ้างอิงที่ ท่านได้ให้แก่บริษัท
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤ(ง) ข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ทํางาน การฝึกงาน และข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงานในอดีต เช่น ตําแหน่งงาน รายละเอียดของนายจ้าง เงินเดือนและค่าตอบแทน สวัสดิการที่ได้รับ
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤ(จ) ข้อมูลในการติดต่อกับท่าน เช่น ที่อยู่ อีเมล์ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลโซเชียลมีเดีย
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤ(ฉ) ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่สามารถปฏิบัติงานได้ หรือเงื่อนไขในการปฏิบัติงาน เช่น ท่านสามารถปฏิบัติงาน ต่างจังหวัดได้หรือไม่ พื้นที่ที่ต้องปฏิบัติงาน
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤ(ช) ข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกในครอบครัวหรือผู้อยู่ในความดูแลของท่าน บิดา มารดา คู่สมรส บุตร เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด เพศ อาชีพ หมายเลขโทรศัพท์ สถานะการศึกษาของบุตร
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤㅤ(ซ) รูปถ่ายและภาพเคลื่อนไหว
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ2.1.2 ข้อมูลจากการทําแบบทดสอบข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะงานและบุคลิกภาพของท่าน เช่น บุคลิกภาพ
ลักษณะนิสัยพฤติกรรม ทัศนคติ ความถนัด ทักษะ ภาวะความเป็นผู้นํา ความสามารถในการทํางานร่วมกับผู้อื่น ความฉลาดทาง อารมณ์ ค่านิยมลักษณะเฉพาะ ซึ่งอาจได้มาจากการสังเกตและวิเคราะห์ของบริษัทในระหว่างที่ท่าน เข้าร่วมกิจกรรมกับบริษัท
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ2.1.3 ข้อมูลที่รวบรวมจากท่าน เช่น ข้อมูลที่ท่านระบุหรือให้ไว้แก่บริษัท ข้อมูลที่ท่านแจ้งแก่บริษัท ในระหว่าง การ สัมภาษณ์งาน ข้อมูลของท่านจากการทําแบบทดสอบต่าง ๆ ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ2.1.4 ข้อมูลที่ท่านเลือกจะแบ่งปันและเปิ ดเผยผ่านระบบ แอปพลิเคชัน เครื่องมือ แบบสอบถาม และบริการ ต่างๆของบริษัท
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ2.1.5 สําเนาเอกสารที่สามารถใช้เพื่อระบุตัวตนของท่าน เช่น สําเนาเอกสารที่หน่วยงานของรัฐ ออกให้ เช่น
บัตรประจําตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส ทะเบียนหย่า ใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล ใบสําคัญการเกณฑ์ทหาร ใบอนุญาตขับขี่ หนังสือเดินทาง บัตรข้าราชการรวมถึงสําเนาเอกสารที่เอกชนออกให้ เช่น ประกาศนียบัตร ปริญญาบัตร ใบแสดงผลการเรียน ใบรับรอง เงินเดือน
ㅤㅤㅤㅤ2.2 ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ฝึกงาน บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อนําผลมาประมวล อันได้แก่
ข้อมูลอื่นๆที่จําเป็นต่อการสรรหาและคัดเลือกพนักงานหรือผู้ฝึกงาน การปฏิบัติตามข้อตกลงการฝึกงาน สวัสดิการ การวิเคราะห์และการบริหารของบริษัทและการปฏิบัติตามกฎหมายต่างๆ
ㅤㅤㅤㅤ2.3 ในกรณีที่ท่านเข้าเป็นพนักงาน นอกจากข้อมูลตามที่ถูกระบุไว้ใน ข้อ 2.1 และ2.2 (แล้วแต่กรณี) บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูล ส่วนบุคคลของท่าน อันได้แก่
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ2.3.1 รายละเอียดการทํางานขั้นพื้นฐาน เช่น รหัสพนักงาน ตําแหน่งงาน รายละเอียดของงาน สายการบังคับ บัญชา ชั่วโมงการทํางาน เงื่อนไขการจ้างงาน
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ2.3.2 ข้อมูลทั่วไปที่เก็บรวบรวมจากการปฏิบัติงาน เช่น ข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังและควบคุมการเข้า-ออก อาคาร และสถานที่ กล้องวงจรปิด เทปบันทึกและการบันทึกข้อมูลการใช้โทรศัพท์ อีเมล์ และการบันทึกข้อมูลการ ใช้อินเตอร์เน็ต ที่มีความเกี่ยวข้องกับการทํางานของท่านกับบริษัทเท่าที่ไม่ขัดกับกฎหมาย ข้อมูลจราจรทาง คอมพิวเตอร์
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ2.3.3 ข้อมูลเกี่ยวกับผลประโยชน์และค่าจ้าง เช่น รายละเอียดการจ่ายค่าจ้างและผลประโยชน์อื่นของท่าน บัญชี ธนาคาร ประกันสังคม ข้อมูลเกี่ยวกับการเกษียณอายุ/บํานาญ กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ ข้อมูลทางภาษี และข้อมูล ของบุคคลภายนอกผู้ได้รับผลประโยชน์
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ2.3.4 ประวัติเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการทํางาน รวมถึง การประเมินผลการปฏิบัติงาน ผลประเมิน ความพึง พอใจประวัติการฝึกอบรม ข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับการทํางานหรือการร้องทุกข์ ประวัติวันหยุด พักผ่อน ประจําปี ประวัติการลาทุกประเภทหรือการขาดงาน หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทํางานในสถานประกอบการและ ความปลอดภัย รวมถึงการตรวจสอบและการประเมินความเสี่ยง
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ2.3.5 ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นที่ท่านให้ไว้แก่บริษัท เช่น ผู้ติดต่อ ผู้อ้างอิง สมาชิกของบุคคล ใน ครอบครัว ผู้คํ้าประกัน เพื่อวัตถุประสงค์เข้าติดต่อในกรณีฉุกเฉิน หรือเพื่อจัดการผลประโยชน์ที่ท่านมีสิทธิได้รับ หรือเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาท่านรับทราบและยืนยันว่าได้แจ้งคําประกาศ ฉบับนี้แก่บุคคลดังกล่าวทราบ แล้ว
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ2.3.6 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น ข้อมูลสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูล ส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวดังกล่าวต่อเมื่อท่านได้ผ่านการสัมภาษณ์งานแล้ว
ㅤㅤㅤㅤ2.4 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
ㅤㅤㅤㅤในบางกรณี บริษัทมีความจําเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) เช่น ประวัติ สุขภาพ เพื่อการจัดสวัสดิการ ตลอดจนการให้บริการและการจ่ายค่าเสียหาย หรือเพื่อการดําเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากพนักงาน และผู้ฝึกงาน ไม่ยินยอมให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวดังกล่าว บริษัทจะไม่สามารถจําหน่ายสินค้าหรือการจัดสวัสดิการที่ เกี่ยวข้องให้ท่านได้
3. วิธีการที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยตรงจากท่าน และในบางกรณีบริษัทอาจจําต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของ
ท่านจากแหล่งอื่น หรือบุคคลอื่น เช่น บุคคลที่แนะนําท่านให้กับบริษัท บริษัทจัดหางาน สมาคมขนส่งฯ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่ กรณี
4. วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมาย ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤบริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ และภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้

ฐานทางกฎหมาย การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
1. ฐานสัญญา (Contract) เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น
2. ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือของหน่วยงานของรัฐที่กำกับดูแลบริษัท เช่น กรมเจ้าท่า กรมศุลกากร และหน่วยงานของรัฐอื่นๆ
3. ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายต่างๆ ที่บริษัทต้องปฏิบัติตาม
4. ฐานภารกิจของรัฐ (Public Task) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะภายใต้อำนาจรัฐ
5. ฐานประโยชน์สำคัญต่อชีวิต(Vital Interest) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
6. ฐานจดหมายเหตุ/วิจัย/สถิติ (Historical Document, Research or Statistics) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้อง ที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของท่าน
7. ฐานความยินยอม (Consent) ความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท เมื่อไม่สามารถอาศัยข้อยกเว้นหรืออ้างอิง ฐานทางกฎหมายตามกรณีที่ระบุข้างต้น หรือตามกรณีที่ระบุในตารางล่างนี้ ทั้งนี้ หากบริษัทขอความยินยอมเป็นการเฉพาะจากท่าน สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้ง และที่ได้รับความยินยอมจากท่าน และบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ในกรณีที่บริษัทสามารถทำได้ตามกฎหมายหรือโดยได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากท่านแล้ว
วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
(ก) เพื่อพิจารณาคัดเลือกและตรวจสอบคุณสมบัติของท่าน ก่อนรับเข้าเป็นพนักงาน หรือผู้ฝึกงานของบริษัท และการใดๆ ที่เกี่ยวของกับการสมัครงาน การประเมิน ใบสมัครเพื่อประเมินตําแหน่งงานอื่นๆ ฐานสัญญา (Contract)
(ข) เพื่อปฏิบัติตามสิทธิและหน้าที่ภายใต้สัญญาจ้างแรงงานและสัญญาฝึกงาน ฐานสัญญา (Contract)
(ค) เพื่อการดําเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานหรือบรรจุเข้าเป็นพนักงาน เช่น การตรวจร่างกายก่อนเข้าทํางาน การทําสัญญาคํ้าประกัน ฐานสัญญา (Contract)
(ง) เพื่อบริหารจัดการการทํางาน (ที่ไม่ใช่การเก็บFingerprint )เช่น การบันทึกเวลา ทํางานการวัด/ ประเมินผลการปฏิบัติงาน การปรับเลื่อนตําแหน่ง ,การบริหาร จัดการทรัพยากรบุคคล ,การวางแผนกําลังคน การโอนย้ายงาน การมอบหมายงาน ฐานสัญญา (Contract)
(จ) เพื่อบริหารจัดการสวัสดิการให้แก่ท่านและ/หรือบุคคลภายนอก (ถ้ามี) เช่น การตรวจร่างกายประจําปี การประกันภัยและการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน เงินกู้ สวัสดิการ และยังรวมไปถึง ค่าชดเชย ผลประโยชน์ แผนค่าตอบแทน ข้อเสนอ ในอนาคต รางวัลบัญชีค่าตอบแทน กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ การประเมิน ผลการปฏิบัติงาน การรายงานภายใน การวิเคราะห์ข้อมูล การประเมินใบสมัครงานสําหรับโอกาสในงานใหม่ ฐานสัญญา (Contract)
(ฉ) เพื่อการเข้ารับการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพและความสามารถในการทํางาน เช่น การอบรมสัมมนาทั้งภายในภายนอก ฐานสัญญา (Contract)
(ช) เพื่อตรวจสอบและดูแลความสงบเรียบร้อย การรักษาความปลอดภัย ในชีวิตร่างกายของบุคคล และทรัพย์สินของบริษัท ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
(ซ) เพื่อการทําวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูล และการทําวิจัยสถิติเกี่ยวกับการจ้างงาน การวัด/ประเมินผล หรือกระบวนการที่คล้ายคลึงที่เกี่ยวกับการจ้างงาน และการฝึกงาน บริหารจัดการทรัพยากรบุคคลของบริษัท ซึ่งรวม ไป ถึง การทําแบบสํารวจสถิติของรัฐบาล หรือการตอบแบบฟอร์มคําร้องใด ๆ ของรัฐ และภาคเอกชน โดยบริษัทจะดําเนินให้ข้อมูลดังกล่าว Anonymize ฐานจดหมายเหตุ/วิจัย/สถิติ (Historical Document, Research or Statistics)
(ฌ) เพื่อการดําเนินการให้เป็นไปตามข้อกําหนด หรือนโยบายของบริษัทที่ยึดถือปฏิบัติ เช่นข้อบังคับเกี่ยวกับการทํางาน ประกาศ ค ําสั่ง บริษัท ระเบียบและแนวทางปฏิบัติ เป็นต้น ฐานสัญญา (Contract)
(ญ) เพื่อการตรวจสอบและสืบสวนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับความประพฤติที่ไม่เหมาะสม การกระทําความผิดทางวินัย และ/หรือกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการสืบสวน ภายใน หรือการให้ความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐที่มีอํานาจ การใช้สิทธิเรียกร้อง ตามกฎหมายการยกขึ้น ต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธ ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)
(ฎ) เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย และการดําเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่ง กําหนดขึ้นโดยหน่วยงานกํากับดูแลของรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานที่กํากับดูแลการประกอบธุรกิจของบริษัท ไม่ว่าจะเรียกว่าอย่างไรก็ตาม เช่น กฎหมายแรงงาน กฎหมายว่าด้วยประกันสังคม กรมสรรพากร สํานักงาน ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation)
(ฏ) เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับโครงสร้างองค์กรของบริษัท และเพื่อการทําธุรกรรม ของบริษัท ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)

ㅤㅤㅤㅤเว้นแต่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับ รวมถึง กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะอนุญาตให้กระทําเป็นอย่างอื่น บริษัท
จะแจ้งและขอความยินยอมจากท่าน หากบริษัทประสงค์จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ในคํา ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวสําหรับท่านฉบับนี้หรือนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับคําประกาศเกี่ยวกับความเป็น ส่วนตัวฉบับนี้
5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ข้างต้น บริษัทมีความจําเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ให้แก่บุคคลภายนอก ดังนี้
ㅤㅤㅤㅤ5.1 บริษัทในเครือหรือกลุ่มบริษัท (ถ้ามี) เพื่อประโยชน์ในการจัดสวัสดิการหรือเพื่อกิจกรรมอื่นใดของพนักงาน เช่น จัดหาที่จอดรถจัดกิจกรรมกีฬา การเข้าร่วมพิธีทางศาสนา เป็นต้น
ㅤㅤㅤㅤ5.2 ที่ปรึกษาภายในหรือภายนอก ผู้เชี่ยวชาญ หรือที่ปรึกษาอื่นใดของบริษัทในเครือ
ㅤㅤㅤㅤ5.3 ผู้ให้บริการใดๆ ซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายที่สาม ซึ่งบริษัทติดต่อเพื่อจัดทําสวัสดิการหรือจัดทํากิจกรรมใดๆ แก่พนักงาน เช่น การส่ง ข้อมูลพนักงานเพื่อตรวจสุขภาพประจําปีหรือการฉีดวัคซีนให้แก่โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล หรือตัวแทนผู้ให้บริการใด ๆ ที่จําเป็นในการดําเนินการตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้างต้น เช่น ผู้สรรหาบุคลากร ผู้ให้บริการด้านการพัฒนาและ ฝึกอบรมบุคลากร ผู้ให้บริการสนับสนุน และ/หรือดูแลรักษาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท หรือโปรแกรมที่ช่วยในการ สรรหาบุคลากร ระบบบัญชี ค่าตอบแทน ผลประโยชน์ และระบบของฝ่ายทรัพยากรบุคคลอื่น ๆ
ㅤㅤㅤㅤ5.4 หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่มีหน้าที่กํากับดูแลตามกฎหมาย
ㅤㅤㅤㅤ5.5 ผู้รับโอนหรือผู้สืบทอดในส่วนใดๆ ของบริษัทหรือผู้ที่อาจเป็นในอนาคต หรือในบริบทของการปรับโครงสร้างองค์กร ที่จะเป็น ส่วนหนึ่งของการซื้อ หรือขายกิจการหรือการเสนอซื้อ หรือขายกิจการ
ㅤㅤㅤㅤ5.6 บริษัทหรือผู้จัดการกองทุนสํารองเลี้ยงชีพ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ที่กล่าวมาแล้วข้างตัน
ㅤㅤㅤㅤ5.7 บุคคลอื่นใดที่ท่านได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยาย

6. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
ㅤㅤㅤㅤ6.1 บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นในต่างประเทศ ในกรณีที่จําเป็นเพื่อการ ปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทําตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เพื่อ ประโยชน์ของท่าน หรือเพื่อใช้ในการดําเนินการตามคําขอของท่านก่อนเข้าทําสัญญา หรือเพื่อป้องกัน หรือระงับอันตรายต่อ ชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการจําเป็นเพื่อดําเนินภารกิจเพื่อประโยชน์ สาธารณะที่สําคัญ
ㅤㅤㅤㅤ6.2 บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ หรือ คลาวด์ ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอป พลิเคชันของบุคคลอื่น ในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สําเร็จรูป และรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสําเร็จรูป ใน การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกําหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
ㅤㅤㅤㅤ6.3 ในกรณีที่มีการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อทําให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครอง และท่านสามารถใช้สิทธิที่ เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามกฎหมาย รวมถึง บริษัทจะกําหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูล ของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จําเป็นเท่านั้น และดําเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคล อื่นใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอํานาจโดยมิชอบ

7. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ7.1 บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาที่จําเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามประเภทข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละ ประเภท และสถานะของท่านที่ระบุไว้ด้านล่าง เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น ในกรณีที่ไม่ สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ7.1.1 พนักงาน
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลตามวัตถุประสงค์แต่สูงสุด ไม่เกิน 10 ปี
ㅤㅤㅤㅤㅤㅤ7.1.2 ผู้ฝึกงาน
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลตามวัตถุประสงค์แต่สูงสุด ไม่เกิน 1 ปี
ㅤㅤㅤㅤ7.2 กรณีผู้ฝึกงาน บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้หลังเสร็จสิ้น การพิจารณาความเหมาะสมของท่านในตําแหน่ง นั้น เพื่อใช้ในการพิจารณาและติดต่อกับท่านในกรณีที่มีตําแหน่งงานอื่น ที่บริษัทเห็นว่าอาจเหมาะสมกับท่าน ในระยะเวลาที่ จําเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการสมัครเข้าเป็นพนักงาน หรือเข้าฝึกงานและหากท่านไม่ต้องการให้บริษัทเก็บข้อมูลไว้ เพื่อประกอบการพิจารณาตําแหน่งงานอื่น ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ตามช่องทางที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
ㅤㅤㅤㅤ7.3 กรณีที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่าน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่า ท่านจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอมและบริษัทดําเนินการตามคําขอของท่านเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ดีบริษัทจะยังเก็บข้อมูล ส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จําเป็นสําหรับการบันทึกเป็นประวัติว่าท่านเคยยกเลิกความยินยอม เพื่อให้บริษัทสามารถตอบสนอง ต่อคําขอของท่านในอนาคตได้
ㅤㅤㅤㅤ7.4 บริษัทจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดําเนินการลบหรือทําลายข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อพ้นกําหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือ ที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจําเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

8. การขอความยินยอมและผลกระทบที่เป็ นไปได้จากการไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤ8.1 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความ ยินยอมของท่านที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
ㅤㅤㅤㅤ8.2 หากท่านถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดําเนินการเพื่อ บรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้
ㅤㅤㅤㅤ8.3 ในกรณีที่บริษัทจําเป็นต้องได้รับความยินยอมจากบุคคลอื่น ท่านรับรองว่าท่านมีอํานาจกระทําการแทนเจ้าของข้อมูลส่วน บุคคล ในการรับทราบนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ และในการให้ความยินยอมแก่บริษัท ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
9. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤท่านมีสิทธิดําเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้
ㅤㅤㅤㅤ9.1 ถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤ9.2 ขอดูและคัดลอกข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤ9.3 ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกําหนดไปยังผู้ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
ㅤㅤㅤㅤ9.4 คัดค้านการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน
ㅤㅤㅤㅤ9.5 ลบ หรือทําลาย หรือทําให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ (anonymization)
ㅤㅤㅤㅤ9.6 ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ㅤㅤㅤㅤ9.7 แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
ㅤㅤㅤㅤ9.8 ร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัทหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลรวมทั้ง ลูกจ้างหรือผู้ รับจ้างของบริษัท หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ㅤㅤㅤㅤทั้งนี้บริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคําร้องขอใช้สิทธิของท่านโดยเร็วภายใน 30 วันนับแต่วันที่บริษัทได้รับคําร้องขอ ดังกล่าว และสิทธิตามที่กล่าวมาข้างต้น เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกําหนด
ลูกค้าสามารถใช้สิทธิตามกฎหมายได้โดย คลิกที่นี่ หรือไปที่ https://tccs.co.th (โดยจะเริ่มใช้สิทธิได้เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล) เท่าที่กฎหมายและกฎระเบียบ ที่ใช้บังคับอนุญาต บริษัทอาจมี สิทธิเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผลสําหรับการดําเนินการเกี่ยวกับคําร้องขอใช้สิทธิข้างต้น

10. การใช้คุกกี้
ㅤㅤㅤㅤบริษัทมีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กําหนดไว้ตาม นโยบายการใช้คุกกี้

11. การขอความยินยอมและผลกระทบที่เป็ นไปได้จากการถอนความยินยอม
ㅤㅤㅤㅤ11.1 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความ ยินยอมของท่านที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
ㅤㅤㅤㅤ11.2 หากท่านถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดําเนินการเพื่อ บรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้
ㅤㅤㅤㅤ11.3 หากท่านมีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือ ยังไม่บรรลุนิติภาวะโดยการสมรส ก่อนการให้ความยินยอมโปรดแจ้งรายละเอียด ผู้ใช้อํานาจปกครองให้บริษัททราบ เพื่อให้บริษัทสามารถดําเนินการขอความยินยอมจากผู้ใช้อํานาจปกครองด้วย

12. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําประกาศฉบับนี้
ㅤㅤㅤㅤคําประกาศฉบับนี้อาจมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป หากเป็นการ
เปลี่ยนแปลงในสาระสําคัญของคําประกาศฉบับนี้บริษัทจะแจ้งการแก้ไขการเปลี่ยนแปลง การปรับปรุง หรือการปรับเปลี่ยนนโยบาย ให้ท่านทราบ โดยท่านสามารถตรวจสอบคําประกาศนี้ได้ที่ https://tccs.co.th

13. ช่องทางการติดต่อ
หากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาส่วนใด ๆ ในคําประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทาง ปฏิบัติของบริษัทเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือต้องการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรุณาติดต่อบริษัท

 

รายละเอียดของบริษัทฯ

ที่อยู่1168/5 อาคารลุมพินีทาวเวอร์ ชั้น 3 ถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
ช่องทางการติดต่อ: โทร 02 0267111 เวลาทําการ 9.00 –17.00 น.
อีเมลรับเรื่องสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: อีเมล์ dpo_tccgroup@tccs.co.th